นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ สหรัฐอเมริกาฝ่ายกิจการเอเซียแปซิฟิค พร้อมด้วยนางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัคราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยและคณะ เข้าพบ และหารือ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศได้เดินทางมาสมทบภายหลัง หลังจากพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)และพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เดินทางกลับหลังร่วมงานวันสถาปนากระทรวงกลาโหมแล้ว
ด้านนายแดเนียล กล่าวว่า ไทยกับสหรัฐฯถือเป็นเพื่อนที่มีความสัมพันธ์ร่วมกันมายาวนานที่มาในวันนี้นั้นก็มาพูดคุยเรื่องสถานการณ์การเมืองซึ่งสหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่สิ่งที่มีความเป็นห่วงคือเรื่องการธุรกิจที่ปัจจุบันสหรัฐฯเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น บางอย่างเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์และความมั่นคงของประชาธิปไตยในไทยและความมั่นคงของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามความมั่นคงของไทยส่งผลกระทบต่อสหรัฐฯ จึงอยากเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายมีการเจรจากัน มีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเรียกร้องให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและความสัมพันธ์ของนานาชาติเป็นหลัก
ส่วนนายสุรพงษ์ กล่าวว่า สหรัฐฯยังสนับสนุนให้ไทยเดินไปในแนวทางประชาธิปไตย ใช้การเจรจาแก้ไขปัญหา ไม่ให้เกิดความรุนแรงและความวุ่นวายทะเลาะเบาะแว้งขึ้น รวมทั้งมีความเป็นห่วงอาเซียนเพราะไทยเป็นประเทศที่สำคัญในภูมิภาคนี้ หากเกิดปัญหาก็จะเกิดผลกระทบตามมา ขณะที่ การประชุมผู้นำในระดับอาเซียน นายกฯ และตนไม่สามารถเดินทางไปประชุมในเวที เพราะอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ดังนั้นการจะไปแถลงการณ์หรือลงนามใด ๆ นั้น ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่ ทำให้ สร้างความเสียหายมาก ในการหารือระหว่าอาเซียนกับคู่เจรจา หรือ ในกรณีที่สหรัฐฯเป็นประเทศที่ต้องประชุมด้วยในประเด็นสำคัญ ๆ