กรมทางหลวงเตรียมเพิ่มช่องทางด่านเก็บเงิน และขยายจราจรทางหลวงพิเศษหมายเลข7

27 เมษายน 2561, 12:51น.


การสำรวจเส้นทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ช่วงชลบุรี-พัทยา ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา




กรมทางหลวงลงพื้นที่บริเวณด่านโป่ง3 เพื่อดูปัญหาการจราจร นายตะวัน ศรีดามา วิศวกรโยธา ชำนาญการพิเศษ กรมทางหลวง


เปิดเผยว่า ปกติแล้วทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มีปริมาณจราจรเข้าสู่ระบบประมาณ 164,200 คันต่อวัน และหลังจากเปิดให้บริการ พบว่า มีปริมาณจราจรเข้าสู่ระบบมากถึง 245,300 คันต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 49 และจากการประเมินที่ผ่านมายังไม่พบปัญหาของผู้ใช้บริการ แต่มีเพียงบริเวณด่านโป่ง3 ช่วงขาออกไประยองและด่านหนองขาม4 ช่วงขาออกไปมาบเอียง ที่การจราจรชะลอตัวอยู่หน้าด่านบ้าง เนื่องจากมีการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุด โดยมีแนวทางดำเนินงานในระยะเร่งด่วน คือ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่หน้าด่าน ประชาสัมพันธ์ผ่านสือต่างๆ และส่งเสริมการใช้ช่องทางอัตโนมัติ M-Pass และ Easy Pass เพื่อง่ายต่อการใช้บริการ การติดตั้งป้ายแนะนำเส้นทางเพิ่มและให้ข้อมูลจราจรผ่านป้ายVMS




ส่วนระยะสั้น จะเพิ่มช่องเก็บเงินที่ด่านโป่ง3 จำนวน 2 ช่อง และด่านหนองขาม4 จำนวน 1 ช่อง พร้อมขยายช่องจราจรเพิ่มเติม และขอเชิญชวนผู้ใช้ทางเส้นทางติดตั้ง M-Pass และ Easy-Pass รวมถึงแอพพลิเคชั่น M Traffic เพื่อความสะดวก รวดเร็ว เพราะุสามารถตรวจสอบสภาพการจราจรจากกล้องวงจรปิดแบบ Real Time ตำแหน่งจุดพักรถและ Service Area อัพเดทข้อมูลข่าวสารของมอเตอร์เวย์ ค่าธรรมเนียมผ่านทางที่จัดเก็บได้ทั้งหมดนั้น จะนำฝากบัญชีเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ที่บริหารโดยกระทรวงการคลัง เพื่อนำไปใช้บำรุงรักษาทาง สะพานและระบบอำนวยความสะดวกต่างๆเช่น ไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด รถหน่วยกู้ภัย โทรศัพท์ฉุกเฉินและนำไปใช้ในการก่อสร้างขยายโครงการข่ายมอเตอร์เวย์ในสายอื่นๆ ถือเป็นการช่วยลดภาระงบประมาณแผ่นดินและรักษาวินัยทางการเงินของภาครัฐได้ด้วย




ส่วนบริเวณทางเข้า-ออก ช่วงหนองขาม-แหลมฉบัง เชื่อมต่อทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3608  ซึ่งเป็นจุดที่มีการร้องเรียนปัญหาการจราจรที่ติดขัดในช่องทางคู่ขนาน นายตะวัน กล่าวว่า ผู้ที่จะเดินทางจากมาบเอียงไปแหลมฉบังสามารถใช้ทางหลวงแผ่นดินคู่ขนานได้โดยไม่เสียค่าผ่านทาง ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยเปลี่ยนทางออกจุดที่1 เป็นทางเข้าไปแหลมฉบังแทน พบว่าสามารถแก้ปัญหาจราจรที่ติดขัด บนทางขนานและบนทางแยกสัญญาณไฟจราจรเก้ากิโลและแยกสัญญาณไฟซากยายจีน โดยปริมาณจราจรที่ต้องผ่านทางแยกสัญญาณไฟ เหลือประมาณ 1,160 คันต่อชั่วโมง จากเดิมประมาณ 2,060 คันต่อชั่วโมง




สำหรับทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 เป็นเส้นทางหลักที่มีความสำคัญต่อระบบการคมนาคมและขนส่งระหว่างภาคกลางและภาคตะวันออก ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ ส่งเสริมการขยายตลาดและเพิ่มโอกาสทางด้านการค้าการลงทุน ส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลากหลายมิติ รวมถึงเชื่อมโยงฐานการผลิตส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมและภาคการส่งออกของจังหวัดทางภาคตะวันออกกับประตูการค้าระหว่างประเทศ ที่บริเวณท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง, ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด, ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ที่จะพัฒนาพื้นที่ในระเบียงเศรษฐกิจของภาคตะวันออกไปสู่การเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภูมิภาคอาเซียน


...


ผสข.ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ 
ข่าวทั้งหมด

X