*ทันสถานการณ์โลก06.30น.*

10 เมษายน 2557, 05:53น.


+++นักรบฝักใฝ่รัสเซียปล่อยตัวประกัน 56 คนเป็นอิสระแล้ว หลังเหล่าคณะผู้แทนสหรัฐฯและอียู เตรียมเปิดเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกและเคียฟเป็นครั้งแรก เพื่อเป้าหมายคลี่คลายเหตุเผชิญหน้าตะวันออก-ตะวันตกครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น  หน่วยความมั่นคงเอสบียูของยูเครนบอกว่ากลุ่มตัวประกันถูกปล่อยตัวออกจากศูนย์บัญชาการของพวกเขาในเมืองลูกันสค์ หลังจากพวกแบ่งแยกดินแดนเข้ายึดอาคารดังกล่าวและสำนักงานราชการอื่นๆในดินแดนอุตสาหกรรมทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่คนส่วนใหญ่พูดภาษารัสเซียตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว



+++ปฏิบัติการจู่โจมของพวกแบ่งแยกดินแดนดังกล่าว กระตุ้นให้ตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่ากำลังให้การสนับสนุนพวกแบ่งแยกดินแดนและวางแผนยึดครองอาณาเขตของยูเครนเพิ่มเติม หลังจากเพิ่งผนวกไครเมียไปเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่เวลานี้รัสเซียส่งกองกำลังหลายหมื่นนายกระจายอยู่ตามแนวชายแดนยูเครน ตอบโต้กรณีที่อดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งพวกเขาให้การสนับสนุนถูกโค่นอำนาจ



+++คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้รับเลือกให้นั่งเก้าอี้ประธานหน่วยงานปกครองสูงสูดของประเทศแบบไร้คู่แข่ง เพื่อจัดวางตำแหน่งบริหารสำคัญๆที่ว่างอยู่จากปฏิบัติการกำจัดฝ่ายตรงข้าม แล้วทดแทนด้วยพวกคนหนุ่มที่มีความจงรักภักดีแก่เขาโดยตรง  หลังรัฐสภาเปิดประชุมที่กรุงเปียงยาง  นายคิม ได้รับเลือกให้กลับมาดำรงตำแหน่งประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติ บ่งชี้ว่าเขายังคงควบคุมอำนาจไว้ได้อย่างมั่นคง แม้เจอมาตรการคว่ำบาตรอันเข้มข้นจากนานาชาติ และเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองต่างๆนานาที่สั่นสะเทือนรัฐบาล



+++กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุในรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) ว่า คาดการณ์ว่าอัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลก จะอยู่ที่ 3.6% ในปีนี้ และ 3.9% ในปีหน้า ซึ่งเป็นการลดลงจากการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟเมื่อเดือนมกราคมประมาณ 0.1% จากวิกฤตในยูเครนซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจแดนหมีขาวชะลอลงอย่างรุนแรง รวมทั้งอาจถูกโลกตะวันตกใช้มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจ และอาจลุกลามออกไปสู่ประเทศโดยรอบ ขัดขวางการค้าและการเงิน ซึ่งรวมถึงตลาดน้ำมัน ก๊าซ อาหาร สินค้าโภคภัณฑ์



รายงานล่าสุดของไอเอ็มเอฟเตือนว่า การชะลอตัวรุนแรงของพวกประเทศตลาดเกิดใหม่รายสำคัญ อาทิ บราซิล แอฟริกาใต้ และตุรกี ยังอาจจะเป็นปัจจัยฉุดรั้งเศรษฐกิจโลก โดยพัฒนาการที่น่าเป็นห่วงเช่นนี้มีสาเหตุทั้งจากการขาดแคลนนโยบายภายในประเทศที่เหมาะสม ภาวะการเงินตึงตัวทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และภาวะเงินทุนไหลออก



ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(9) ปิดบวก นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากรายงานการประชุม minutes ของธนาคารกลางอเมริกา(เฟด) แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่สนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่กำหนดไว้ ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 181.04 จุด (1.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,437.18 จุด



ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น  สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ ปิดที่ 103.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 31 เซนต์ ปิดที่ 107.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++นักลงทุนปล่อยมือจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แล้วหันไปเก็งกำไรในตลาดทุน จนส่งผลให้ราคาทองคำวานนี้(9) ปรับลดในกรอบแคบๆ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,305.90 ดอลาร์ต่อออนซ์



+++นางมาเรีย มิลเลอร์ ปฏิเสธกระแสข่าวเรื่องการถูกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีวัฒนธรรมของอังกฤษ หลังเกิดปัญหาเอื้อฉาวเรื่องการเบิกค่าใช้จ่ายของเธอ ยืนยันว่าเธอตัดสินใจลาออกเอง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เธอให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีด้วยน้ำเสียงสะอื้นว่าเธอลาออกเพราะเรื่องนี้ได้กลายเป็นปมปัญหาใหญ่ที่เบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนออกจากผลงานมากมายที่รัฐบาลชุดนี้ทำมา ขณะเดียวกัน พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนจะแต่งตั้งส.ส.ซาจิต จาวิด ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีวัฒนธรรมคนใหม่แทน ก่อนหน้านี้ นางมิลเลอร์ ถูกไต่สวนโดยคณะกรรมการอิสระด้านมาตรฐานจริยธรรมของรัฐสภาอังกฤษ และชี้มูลว่า เธอไม่ผิดจากกรณีการใช้เงินภาษีเพื่อก่อสร้างบ้านพักให้แก่พ่อแม่ของเธอเอง แต่คณะกรรมการฯขอให้เธอคืนเงินให้กับรัฐจำนวน 45,000 ปอนด์ แต่ต่อมา คณะกรรมการมาตรฐานจริยธรรมของวุฒิสภา ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะยอมรับข้อเสนอแนะนั้น หรือไม่ ได้พิจารณาลดตัวเลขนั้นเหลือ 5,800 ปอนด์ ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์จากสาธารณะชนและเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบเรื่องมาตรฐานจริยธรรม โดยเฉพาะเรื่องการเบิกจ่ายเงินของสส.ให้เข้มงวดมากขึ้น ด้านนายจอห์น มานน์ ส.ส.จากพรรคแรงงาน ซึ่งเปิดประเด็นการร้องเรียนเรื่องนี้ ได้ตอบรับการลาออกของเธอ ระบุว่านางมิลเลอร์น่าจะลาออกนานแล้ว หากไม่ยอมลาออก นายกรัฐมนตรีก็ควรจะแสดงภาวะผู้นำด้วยการปลดเธอออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี



+++นายแดน สตีเวนส์ โฆษกสำนักงานบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐ เปิดเผย เหตุรุนแรงว่า มีนักเรียนอย่างน้อย 20 คนได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุแทงกันที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแฟรงคลิน รีเจียนัล ซีเนียร์ ไฮสกูล ในเมืองเมอร์รีสวิลล์ ระบุว่าในจำนวนนั้น 4 คนถูกนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปโรงพยาบาล ด้านเว็บไซต์ของสำนักงานการศึกษาอำเภอที่ดูแลโรงเรียนทุกแห่งในพื้นที่ ลงข้อความว่า โรงเรียนชั้นประถมศึกษาทั้งหมดในเขตนั้นปิดทำการ หลังเกิดเหตุดังกล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งไว้สอบปากคำ เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้และยังไม่มีรายงานเรื่องสภาพอาการบาดเจ็บของนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 14 ถึง 17 ปี



+++ส่วนที่แคนนาดา ก็เกิดเหตุ ชายต้องสงสัยก่อเหตุใช้อาวุธเป็นมีดหรือไม่ก็กรรไกรไล่แทงผู้คนบนชั้นที่ 5ของอาคารสำนักงานซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองโตรอนโตเหตุเกิดเมื่อเช้าวันพุธ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไป4คนส่วนชายผู้ต้องสงสัยก็ถูกจับกุมตัวไว้ได้สอบสวนแล้วทราบว่า เป็นชายวัย45ปีและลูกจ้างของบริษัทในอาคารสำนักงานดังกล่าวโดยทำงานอยู่แผนกบัญชีเงินเดือนฝ่ายทรัพยากรบุคคล



 +++เจ้าชายวิลเลียม รัชทายาทลำดับที่2แห่งราชวงศ์อังกฤษพร้อมด้วยเจ้าหญิงแคเธอรีนดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ และพระโอรสเจ้าชายจอร์จแห่งเคมบริดจ์ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการเสด็จเยือนประเทศนิวซีแลนด์ ได้มีโอกาสพบปะอย่างไม่เป็นทางการกับพ่อแม่ชาวนิวซีแลนด์รวม10คู่ด้วยกันที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงเวลลิงตันตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ในโอกาสนี้ทรงนำเจ้าชายจอร์จเข้าร่วมกิจกรรมสันทนาการกับทารกวัยใกล้เคียงกันของพ่อแม่ชาวนิวซีแลนด์ทั้ง10คู่ด้วยเพราะเป็นทารกที่เกิดภายใน1-2สัปดาห์ของวันประสูติของเจ้าชายจอร์จซึ่งประสูติเมื่อวันที่ 22ก.ค.ปีที่แล้วปรากฏว่าเจ้าชายจอร์จทรงพระเกษมสำราญกับกิจกรรมนี้

ข่าวทั้งหมด

X