ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.
+++นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว เมื่อวานนี้(9 เม.ย.) ตอนหนึ่งระบุว่า "จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหาและคณะ ยื่นเรื่องขอให้ศาลฯวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของดิฉัน กรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในครั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการสร้างปรากฏการณ์ และบรรทัดฐานใหม่ในการบริหารราชการของไทย เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ศาลฯ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ รับคดีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลมาพิจารณา ทั้งๆ คดีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแก่นายถวิล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำสั่งศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
+++อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาสถานะของดิฉันในขณะนี้นั้น ดิฉันได้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 (2) แล้ว สืบเนื่องจากการยุบสภา ปัจจุบันดิฉันปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้ศาลฯ พิจารณารับคำร้องดังกล่าว มาวินิจฉัยให้เกิดความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่
+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ต่กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะสิ้นสภาพแล้ว แต่ยังดำรงตำแหน่งรักษาการเพื่อปฏิบัติหน้าที่อยู่ น.ส.ยิ่งลักษณ์พยายามบอกว่าที่ทำกับตัวเองนั้น ไม่เหมือนกับทำกับคนอื่น ก็อยากบอกกลับไปว่าถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่อยากให้คดีอยู่ในศาล ก็ลาออกไปวันนี้เลยก็ได้ โดยไม่ต้องรักษาการต่อ รับรองได้เลยว่าศาลจะไม่รับพิจารณาคดีนี้ +++ด้านนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยว่า วันที่ 18 เม.ย.นี้ จะครบกำหนดที่นายกฯ จะส่งเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาการโยกย้ายนายถวิล โดยมิชอบ หลังจากรับเอกสารแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนการไต่สวนอย่างไร
++++นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งให้ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอ และคลิปที่มีลักษณะที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยเฉพาะกรณีของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำคนเสื้อแดง จ.ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ โดยมีถ้อยคำในลักษณะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
+++ด้านผบ.ตร.ได้เรียกประชุมและสั่งการเร่งด่วนให้ บก.ปอท.ประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อปิดกั้นการเข้าถึงคลิปวิดีโอดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงได้รับเรื่องแล้วและกำลังดำเนินการที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวน และให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้าชุดดำเนินการสืบสวนสอบสวน เพื่อเร่งพิสูจน์ทราบและจับกุมผู้กระทำความผิดโดยเร่งด่วน เตือนประชาชนว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวิดีโอดังกล่าวอาจถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งต้องระวางโทษ จำคุก ตั้งแต่ 3 ถึง 15 ปี นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 อีกส่วนหนึ่ง และหากประชาชนพบการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
+++นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่ม นปช. เปิดเผยกรณีนายวุฒิพงศ์ ว่า แต่เดิมนายวุฒิพงศ์ เป็นมวลชนคนเสื้อแดง แต่ไม่สามารถรับผิดชอบคำพูดหรือการกระทำของตนเองได้ และชัดเจนว่านายวุฒิพงศ์ไม่ได้ขึ้นกับ นปช. เพราะเราเป็นองค์กรที่ชัดเจนว่าสู้โดยสันติวิธี และสู้เพื่อประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
+++มีรายงานข่าวแจ้งว่า ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อนายวุฒิพงศ์ หรือโกตี๋ เพื่อสอบถามถึงการดำเนินการของทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อคดีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศจาบจ้วงสถาบัน ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้สอบถามบุคคลใกล้ชิดนายวุฒิพงศ์ ซึ่งให้ความเห็นว่า ขณะนี้นายวุฒิพงศ์น่าจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว หลังจากทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีในประเด็นที่พาดพิงไปถึงเบื้องสูง
+++เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ เวลา 09.00 น. น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อให้เอาจริงเอาจังกับการให้ร้ายและดูหมิ่นสถาบัน
+++ด้าน นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความ ออกแถลงการณ์เร่งให้มีการดำเนินคดีกับนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ฝ่ายกฎหมายของ นปช.ได้ปราศรัยผ่านโปรแกรม สไกป์มายังเวที นปช.ย่านพุทธมณฑล เมื่อ วันที่ 6 เมษายน ท ซึ่งคำปราศรัยเป็นการดูหมิ่นสถาบัน, กล่าวร้ายต่อระบบศาลยุติธรรมและหน่วยงานองค์กรอิสระ
+++ส่วนนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษาศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) วิตกข้าราชการเลือกข้าง จะเรียกประชุม ปลัดกระทรวงในวันที่ 17 เมษายนในเวลา 14.00 น. กำชับอย่าเข้าร่วมชุมนุม หรือให้การสนับสนุนกลุ่ม กปปส.อย่างเด็ดขาด และขอให้ทำตามหน้าที่ อย่าต้อนรับหากมีกลุ่ม กปปส.ไปชุมนุมอยู่หน้ากระทรวงหรือสถานที่ราชการ เนื่องจากกลุ่ม กปปส.แสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะล้มล้างระบอบประชาธิปไตย หากใครสนับสนุนจะเป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยกำหนดว่าปลัดกระทรวงทุกคนต้องมาเข้าประชุมด้วยตนเอง
+++แต่ขณะเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้หารือ กับ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมชี้แจงกรณีรัฏฐาธิปัตย์ว่า เป็นเรื่องที่สมมุติขึ้น หากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ประเทศไทยก็จะเกิดสุญญากาศ อำนาจอธิปไตยก็จะกลับคืนสู่ประชาชน โดยสามารถใช้มาตรา 3 เพื่อตั้งรัฏฐาธิปัตย์ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจัดตั้งสภานิติบัญญัติและสภาประชาชน นอกจากนี้ กปปส.จะหยุดพักช่วงสงกรานต์ โดยจะหยุดการเคลื่อนไหว ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน เป็นต้นไป เพื่อให้ทางกำลังพลไม่ต้องกังวล หายเครียด และกลับบ้านฉลองสงกรานต์กับครอบครัวและจะกลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อเลยเทศกาลสงกรานต์ไปแล้ว ส่วนวันที่ 10 เมษายนนี้ เราจะเคลื่อนมวลชนเหมือนเดิม ล้อหมุนเวลา 10.00 น.
+++ส่วนการประชุมคณะกรรมการสรรหากรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แก่ นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด และนายจรูญ อินทจาร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งที่ประชุมมีมติ 2 ต่อ 1 เลือก น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการ ป.ป.ช.คนใหม่ แทนนายใจเด็ด พรไชยา ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการสรรหาทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ โดยขั้นตอนต่อจากนี้ คณะกรรมการสรรหาจะนำรายชื่อเสนอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้มีการประชุมวุฒิสภา ให้ ส.ว.ได้ลงมติให้ความเห็นชอบต่อไป
+++ต้องระวัง นายปริญญา แน่นหนา ผอ.ฝ่ายคุณภาพน้ำ การประปานครหลวง (กปน.) ประกาศเตือนประชาชนที่ใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคในช่วงเดือน เมษายน – พฤษภาคม ควรระมัดระวังการแพร่ระบาดของเชื้อโรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคท้องร่วง โดยมีต้นตอมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด พร้อมสั่งให้เพิ่มคลอรีนมากขึ้นเพื่อห่าเชื้อโรค
+++ผู้เสียหายอีก 10 ราย เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น หลังถูกคนร้ายแฮกข้อมูลในบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินออกจากบัญชีตามตู้เอทีเอ็มหลายจุดในพื้นที่ประชาชื่น ทำให้มียอดรวมผู้เสียหายแล้วถึง 40 ราย มูลค่าเงินเกือบ 6.8 แสนบาท ซึ่งพบว่าแก๊งแฮกบัตรกดเงินออกไปจากตู้เอทีเอ็ม ธ.ออมสิน สาขาหาดใหญ่ จ.สงขลา อยู่ระหว่าง บก.ปอศ.สืบสวนหารายละเอียดเพื่อไล่ล่าตัว