หลังประชุมร่วมกับ ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และตำรวจนครบาล และเจ้าหน้าที่ธนาคาร จากกรณีมีแก๊งแฮ๊กข้อมูลธนาคารและนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินระบาดในพื้นที่ต่างๆพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้ในส่วนของพื้นที่ สน.ประชาชื่น มีผู้เสียหายเข้าดำเนินการแจ้งความแล้ว 40 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 6 แสนบาท โดยผู้เสียหายได้ไปใช้บริการกดตู้เอทีเอ็มที่ ตลาดโกลด์มาร์เก๊ต ย่านประชานิเวศน์ 1 ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเบาะแส และมีหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดขณะที่คนร้ายกำลังเข้าไปติดตั้งอุปกรณ์บริเวณด้านหลังตู้เอทีเอ็ม เบื้องต้นภาพจากกล้องวงจรปิดตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นชาวมาเลเซีย ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
สำหรับ ขบวนการนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกจะมีหน้าที่ใช้เครื่องสกิมเมอร์แฮ๊กข้อมูลของลูกค้าตามตู้เอทีเอ็มต่างๆ เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็จะนำไปขายให้กับ ผู้ต้องหาอีกกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศเพื่อนำไปกดเงิน
ส่วนคดีที่ สน.ลุมพินี จับแก๊งสกิมเมอร์ชาวต่างชาติได้พร้อมบัตรเอทีเอ็มจำนวนมากนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งที่ระบาดอยู่ในพื้นที่ สน.ประชาชื่นแต่อย่างใด เนื่องจากแก๊งดังกล่าวเป็นแก๊งที่นำเอาข้อมูลผู้เสียหายในต่างประเทศ มากดเงินในประเทศไทย รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังฝากเตือนไปยังประชาชนใช้บริการตู้เอทีเอ็ม ให้ระมัดระวังทำธุรกรรมหรือแนะนำควรเปลี่ยนรหัสบัตรเอทีเอ็มบ่อยครั้ง เพื่อป้องกันคนร้ายนำข้อมูลไปใช้ ทั้งนี้ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เพิ่มสายตรวจในการตรวจตราเพื่อเฝ้าระวังการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวแล้ว