ป.ป.ช.มีมติเพิ่มพยานคดีนายกฯอีก1 ส่วนนิวัฒน์ธำรงยืนยันนายกฯไม่ได้ละเลย

คณะกรรมการปัองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. มีมติ เพิ่มพล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าเป็นพยานในการชี้แจงข้อกล่าวหากรณีไต่สวนข้อเท็จจริง คำร้องถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง และกรณีกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฏหมายอาญา เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว และให้เดินทางมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ในวันที่17 เมษายน 2557 เวลา 13.30 น. ที่สำนักงานป.ป.ช.

ด้านนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่เข้าชี้แจงกรณีการทุจริตโครงการจำนำข้าว ต่อ ป.ป.ช. เป็นเวลากว่า 4 ชั่วโมง ได้เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำเป็นโครงการที่มีอยู่เดิมมาตั้งแต่ปี 2536 สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และปฏิบัติกันมาหลายรัฐบาล เพียงแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ ตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการถึง 12 ชุด เพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพในการป้องกันทุจริต ทั้งเคยมอบให้ร้อยตำรวจเอกเฉลิม อยู่บำรุง ในช่วงที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตตั้งแต่ต้นปี 2555 รวมแล้วขณะนี้มีคดีอยู่ในการสืบสวน 104 คดี ถือเป็นเครื่องยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตตามที่กล่าวหา

ส่วนการขาดทุนและความเสียหาย กว่า 2 แสนล้านบาท ตามที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวได้เปิดเผยก่อนหน้านี้ ไม่ตรงกับข้อมูลของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่ระบุมูลค่าการขาดทุนน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า แม้โครงการจะขาดทุน แต่หากเทียบประโยชน์ด้านต่างๆ ทั้งความเป็นอยู่เกษตรกร และการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ถือว่ามีความคุ้มค่า ทั้งถือเป็นโครงการทางสังคมที่ย่อมมีผลขาดทุน แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบร้ายแรงต่อวินัยทางการเงินการคลัง เพราะระดับหนี้สาธารณะยังอยู่ที่ร้อยละ 45 – 46 จากที่ตั้งกรอบไว้ถึงร้อยละ 60 และยืนยันว่าไม่มีเหตุผลความจำเป็นที่ต้องยุติโครงการ ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตรา 11(1) จากเหตุผลทั้งหมด จึงถือว่านายกรัฐมนตรี ไม่ได้กระทำผิดเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทั้งหมดนี้ นายนิวัฒน์ธำรง มีความมั่นใจว่าได้ชี้แจงเหตุผลอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ ป.ป.ช. ยังต้องการให้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 25 เมษษยนนี้อีกครั้ง แต่ก็อาจส่งเป็นเอกสารชี้แจงต่อไป.

ผสข.บุศรินทร์ วรสมิทธิ์