ในวันนี้นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย เดินทางมาที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าคดีที่องค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ขายสินเชื่อที่อยู่อาศัย ของสถาบันการเงินกว่า 56 แห่ง เมื่อ 15 ปีที่แล้วในสมัยที่นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำลังจะหมดอายุความในสิ้นเดือนนี้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ส่วนตัวเคยเป็นหนึ่งในอดีตคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ในสภาผู้แทนราษฎร และทราบว่าคดีนี้อยู่ในความรับผิดชอบของ ป.ป.ช. มานานกว่า10 ปีแล้ว กระทั่งคดีใกล้จะหมดอายุความ ทั้งที่มีความเสียหายต่อรัฐถึง 1,200,000 ล้านบาท จึงไม่ต้องการให้ผู้ที่สร้างความเสียหายหลุดรอดไป และขอเรียกร้องให้ ป.ป.ช.รายงานผลความคืบหน้าของคดีต่อประชาชน เพราะที่ผ่านมา ป.ป.ช.ไม่ได้มีการบรรจุคดีนี้ไว้ในรายงานที่แจ้งให้รัฐสภารับทราบ รวมถึงในการรายงานผลงานการดำเนินครบรอบ 8 ปีของ ป.ป.ช. แต่หากเมื่อเปรียบเทียบกับการดำเนินงานในคดีโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคดีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ส่วนตัวมองว่า ป.ป.ช.มีการดำเนินการที่เร่งรีบกว่าคดีของ ปรส. และคดีก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง พร้อมเรียกร้องให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณาว่าควรจะต้องมีการปฏิรูป ป.ป.ช. ด้วยหรือไม่ หากทำให้คดีนี้หมดอายุความลงไป
ด้านนายเรืองไกร เปิดเผยว่า ในคดีปรส. ถึงแม้ว่า ป.ป.ช.จะได้มีมติชี้มูลไปแล้ว และขณะนี้สำนวนคดีอยู่ชั้นอัยการสูงสุด แต่คดีกำลังจะหมดอายุความลงในวันที่ 30 พ.ย.นี้ จึงอยากเรียกร้องให้ใช้กฎหมาย ปปช.มาตรา 74/1 ให้ยื่นฟ้อง เพื่อป้องกันความเสียหายและป้องกันมิให้ผู้กระทำผิดได้หลุดพ้นในคดี เพื่อจะทำให้อายุความสะดุดลง และนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ทั้งหมด
ทั้งนี้นายศักดิ์ชัย เมทินีพิศาลกุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็เป็นผู้รับมอบหนังสือจากนายพร้อมพงศ์ และนายเรืองไกร
...ผสข.วิรวินท์ ศรีโหมด