*เปิดคำวินิจฉัยศาลรธน.ชี้ให้เลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ*

25 มีนาคม 2557, 00:00น.


เว็บไซต์ศาลรัฐธรรมนูญ www.constitutionalcourt.or.th ได้เผยแพร่สรุปคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2557 (อย่างไม่เป็นทางการ) กรณีที่เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยเนื้อหาแบ่งเป็นประเด็นอำนาจการรับคำร้อง ประเด็นวินิจฉัย รวมทั้งสิ้น 6 หน้า ในประเด็นอำนาจการรับคำร้อง ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเมื่อพิจารณาเนื้อความในคําร้องทั้งหมดแล้ว เห็นได้ว่ามีความประสงค์จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ พ.ร.ฎ.ยุบสภา 2556 เฉพาะในส่วนที่กําหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป ในวันที่  2 ก.พ. ด้วย เนื่องจากการดําเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่  2 ก.พ. อันเป็นประเด็นปัญหาตามคําร้อง เป็นการดําเนินการที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกําหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไปใน พ.ร.ฎ.ยุบสภา จึงเป็นประเด็นปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของ พ.ร.ฎฉบับดังกล่าว  



แม้พระราชกฤษฎีกาเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่าพระราชบัญญัติ แต่พระราชกฤษฎีกานี้ตราขึ้นโดยอาศัยรัฐธรรมนูญ จึงเป็นกฎหมายเฉพาะที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง จึงเป็นบทบัญญัติกฎหมายที่ผู้ตรวจการแผ่นดินสามารถยื่นตรวจสอบได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (1)  



ประกอบกับการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. 2 ก.พ. ไม่สามารถดำเนินการได้เสร็จสมบูรณ์ในวันเดียวกัน ทั้งยังทําให้เกิดปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามมาอีกหลายประการ ซึ่งไม่มีองค์กรอื่นใดนอกจากศาลรัฐธรรมนูญที่จะมีอํานาจตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้ คดีจึงอยู่ในอํานาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะรับพิจารณาวินิจฉัยไว้ได้



ส่วนประเด็นวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง บัญญัติให้กำหนดวันเลืออกตั้งเป็นวันเดียวทั่วราชอาณาจักรนั้น มีเจตนารมณ์เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปตามหลักพื้นฐานของการเลือกตั้งที่สําคัญ คือหลักการเลือกตั้งโดยเสรี ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทุกคนย่อมใช้สิทธิโดยปราศจากการบังคับหรือกดดันทางจิตใจ หรือการใช้อิทธิพลใดๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ ไม่ว่าการใช้อิทธิพลเหล่านี้จะมาจากฝ่ายใดๆ



ทั้งระหว่างการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้ง ต้องไม่ให้มีการควบคุมทิศทางการลงคะแนนเสียง ไม่ว่าจะกระทําในรูปแบบใด ผู้ออกเสียงเลือกตั้งต้องตัดสินใจลงคะแนนได้อย่างอิสระ ภายใต้กระบวนการสร้างความคิดเห็นทางการเมืองที่เปิดเผย  หลักการเลือกตั้งโดยเสรีนี้จึงครอบคลุมถึงการตระเตรียมการเลือกตั้ง เฉพาะอย่างยิ่งครอบคลุมถึงการหาเสียงเลือกตั้งด้วย



การกําหนดวันเลือกตั้งเป็นการทั่วไปมากกว่าหนึ่งวันจะทําให้พฤติกรรมการหาเสียง การลงคะแนนเลือกตั้ง หรือบรรดาเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้งเป็นการทั่วไปที่กําหนดขึ้นในวันหนึ่ง จะมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งที่กําหนดขึ้นในอีกวันหนึ่งได้



กรณีปัญหา 28 เขตเลือกตั้งไม่มีผู้สมัครนั้น เมื่อพิจารณา พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่กำหนดในเรื่องของลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ไว้ในมาตรา 78  มาตรา  108 มาตรา 103 วรรคหก มาตรา 109 นั้น กฎหมายให้อำนาจ กกต. ทำได้ตามแต่ละกรณีปัญหาที่กำหนดไว้ โดยสามารถกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งใหม่ได้หลายวัน  



ส่วนการจัดการเลือกตั้งใหม่ มาตรา 88  ให้อำนาจ กกต. ทำได้ เฉพาะกรณีที่ผู้สมัครรายเดียวได้รับคะแนนเลือกตั้งไม่ถึงร้อยละ 20 ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น และมาตรา 111 เป็นกรณีศาลฎีกาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่จากเหตุการณ์เลือกตั้งไม่สุจริต  โดยในทุกมาตราเหล่านี้ กกต. จะดำเนินการได้ก็เป็นกรณีที่มีผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้วทั้งสิ้น แต่มีเหตุตามกฎหมายที่ทำให้ไม่อาจลงคะแนนเลือกตั้งได้ หรือมีข้อเท็จจริงที่ทำให้การเลือกนั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรม แต่ 28 เขตเลือกตั้งนั้นไม่มีผู้สมัคร ถือว่ายังไม่มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปมาก่อนเลย



ประกอบกับเมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญ มาตรา 93 ที่บัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย ส.ส. จากทั้งระบบแบ่งเขตเลือกตั้งและระบบบัญชีรายชื่อ รวม  500 คน และต้องได้ ส.ส. ไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 จึงจะสามารถเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ รวมทั้งกำหนดให้ต้องดำเนินการให้มี ส.ส. ครบ 500 คน ภายใน 180 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง โดยให้ผู้ได้รับเลือกตั้งอยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่าอายุของสภาผู้แทนราษฎรที่เหลืออยู่นั้น



เท่ากับว่ารัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ที่จะให้สภาผู้แทนราษฎรมี ส.ส. ครบ 500 คน โดยต้องมาจากการเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 และเมื่อ พ.ร.บ.เลือกตั้ง  มิได้ให้อำนาจ กกต. และศาลฎีกาในการจัดการเลือกตั้งใหม่ใน 28 เขตดังกล่าว การที่จะดำเนินการจัดการเลือกตั้งใน 28 เขตเลือกตั้งต่อไป จำเป็นต้องมีวันเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไปขึ้นใหม่อีกหนึ่งวัน ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และก่อให้เกิดข้อโต้แย้งทางกฎหมายต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด



ทั้งนี้ แม้ว่า กกต. จะได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งตามอำนาจหน้าที่แล้วก็ตาม เมื่อการเลือกตั้ง ส.ส. 2 ก.พ. ไม่สามารถที่จะดำเนินการให้เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสองได้ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวเกิดจากมูลเหตุสำคัญ คือการกำหนดวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. ตาม พ.ร.ฎ.ยุบสภา เป็นช่วงเวลาที่มีความขัดแย้ง แตกแยกของชนในชาติอย่างรุนแรง มีการขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ย่อมทำให้การจัดการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ



ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 2/2557 ว่าหากมีความจำเป็นที่ต้องกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ ต่างจากวันเลือกตั้งทั่วไปเดิมที่กำหนดไว้ใน พ.ร.ฎ.ยุบสภา สามารถทำได้ โดยเป็นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบร่วมกันของนายกรัฐมนตรีและประธาน กกต. ซึ่งเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้ง ส.ส. สำเร็จลุล่วงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ  



ดังนั้น การที่ พ.ร.ฎ.ยุบสภา พ.ศ. 2556 กำหนดให้มีการเลือกตั้งเป็นการทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ. และมีการดำเนินการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ไม่สามารถจัดให้มีการเลือกตั้งสำหรับ 28 เขตเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่เคยมีการรับสมัครมาก่อน จึงถือได้ว่าในวันที่ 2 ก.พ. มิได้เป็นวันที่มีการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไปวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ไม่ถือเป็นการเลือกตั้งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นผลให้ พ.ร.ฎ.ยุบสภา พ.ศ. 2556 เฉพาะในส่วนที่กำหนดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการเลือกตั้งทั่วไป 2 ก.พ. มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรคสอง



และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญโดยเสียงข้างมากวินิจฉัยดังกล่าวแล้ว การพิจารณาวินิจฉัยเหตุแห่งคำร้องในข้ออื่นๆ ไม่อาจทำให้ผลการวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอีก

ข่าวทั้งหมด

X