*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

17 เมษายน 2557, 05:38น.


+++สถานการณ์ในยูเครน ตึงเครียดมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีรักษาการของยูเครนนายโอเลกซานเดอร์ ตูร์ชีนอฟ ประกาศ ปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 11คน หลังจากทหารอากาศยูเครน บุกยึดสนามบินในภาคตะวันออกของประเทศ ถือเป็นสัญญาณแรกที่แสดงให้เห็นว่าการปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มก่อการร้าย ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในการปราบปรามกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซีย ทั้งนี้ มีการยิงต่อสู้กันอย่างหนักได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่สนามบินเมืองครามาทอร์สค์ ขณะที่ นายตูร์ชีนอฟ ประกาศว่า กองทัพยูเครน ยึดสนามบินคืนได้จากกลุ่มหัวรุนแรงซึ่งยึดครองหลายเมืองตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ส่วนที่เมืองโดเนตสก์ สมาชิกติดอาวุธของกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่สนับสนุนรัสเซียอย่างน้อย 20 คน บุกเข้ายึดศาลาว่าการเมือง เป็นสถานการณ์อย่างเดียวกับที่เกิดขึ้นใน 10 เมืองทางตะวันออกของยูเครน นับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว



+++ด้านนายอันเดอร์ ฟอกห์ ราซมุสเซน เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต้) กล่าวว่า พันธมิตรเห็นพ้องเรื่องมาตรการทางทหารเพิ่มเติม เพื่อเสริมการปกป้องพันธมิตรร่วมกัน เป็นผลมาจากสถานการณ์ในยูเครน นาโต้ สนับสนุนให้มีการหาข้อตกลงทางการเมืองเพื่อแก้ไขวิกฤติในยูเครน โดยเฉพาะในวันนี้ มีการประชุม 4 ฝ่าย ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ รัสเซีย ยูเครนและนางแคทเธอรีน แอชตัน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป(อียู)ที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์



+++นายแบร์รี โอ ฟาร์เรลล์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ รัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย ลาออกจากตำแหน่ง หลังเผชิญข้อครหาเรื่องการคอรัปชั่นกรณีไม่แถลงบัญชีเรื่องการรับไวน์เป็นของขวัญมูลค่า 3,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียหรือกว่า 90,000 บาท ระบุว่าเขาขอแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้และเปิดโอกาสให้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนคดีอย่างเต็มที่ ก่อนหน้านี้ เขาเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการอิสระต่อต้านการคอรัปชั่นว่า ไม่เคยรับไวน์ นายฟาร์เรลล์ กล่าวว่า เขาลืมไปว่าเคยโทรศัพท์ถึงนายนิค ดิกิโรลาโม นักธุรกิจ ซึ่งมอบของขวัญนี้ให้กับเขาเมื่อปี 2554 นายฟาร์เรลล์ เสนอให้มีการสอบสวนเรื่องนี้ หลังพนักงานสอบสวน เปิดเผยจดหมายที่นายฟาร์เรลล์เขียนด้วยลายมือขอบคุณนักธุรกิจคนนั้น ส่วนการเลือกตั้งมุขมนตรีคนใหม่ คาดว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ด้านนายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตของออสเตรเลีย กล่าวชื่นชมการลาออกของนายฟาร์เรลล์ว่า เป็นการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองที่น่ายกย่อง



+++เรือเฟอร์รี่ เซวอล ที่มีผู้โดยสาร 459 คน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนมัธยม ซึ่งกำลังเดินทางไปทัศนศึกษาที่เกาะเชจู ประสบเหตุล่มบริเวณชายฝั่งทางใต้ของเกาหลีใต้  ทำให้มีผู้สูญหายเกือบ 300 คน มีรายงาน ยืนยันผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 6 ศพ และบาดเจ็บ 55 คน จากการระดมเรือ 87 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ 18 ลำ ช่วยค้นหามาตลอดทั้งวันเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ผู้สูญหายจำนวนมากที่ยังหาไม่พบ อาจติดอยู่ภายในเรือ หรือลอยออกทะเลไป ยิ่งทำให้เกิดความวิตกว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีกมาก และจะนับเป็นโศกนาฏกรรมทางเรือครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งของเกาหลีใต้ สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแพร่ภาพเรือเซวอลเอียงลงข้างหนึ่งและค่อยๆ จมลงขณะผู้โดยสารพากันกระโดดออกมา เจ้าหน้าที่กู้ภัย พยายามช่วยนำผู้โดยสารออกมา แต่เรือคว่ำลงอย่างรวดเร็วและจมลง ผู้รอดชีวิตที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาถูกนำตัวไปส่งที่เกาะชินโด ซึ่งอยู่ใกล้เคียง เพื่อส่งให้ทีมแพทย์ดูแลต่อไป



+++คณะรัฐมนตรีมาเลเซีย จะหารือเรื่องการจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติ เพื่อสอบสวนกรณีการสูญหายของเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ แสดงให้คนทั่วโลกได้ทราบว่ามาเลเซียไม่มีข้อมูลอะไรที่จะต้องปิดบัง คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะประกอบด้วยคณะบุคคลที่ได้รับการยอมรับและมีอำนาจจะตัดสินใจและสอบสวนโดยไม่หวั่นเกรงหรือเข้าข้างฝ่ายใด



+++นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมและรัฐมนตรีกลาโหม ระบุว่า มาเลเซียจะไม่ลดระดับการค้นหา แม้ว่ามีบางประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนภารกิจ แต่ก็ยังมีชาติอื่นๆยื่นข้อเสนอเข้าช่วยเหลือ ปฎิบัติการค้นหา เหนือผืนน้ำและใต้ทะเล ในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งของเมืองเพิร์ท ประเทศออสเตรเลีย เกือบ 2,000 กิโลเมตร ยังดำเนินไปอย่างไม่ลดละ ด้วยตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่ยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 แต่การค้นหาด้วยโดรน ที่ถูกส่งลงไปสำรวจพื้นทะเลใต้มหาสมุทรอินเดีย ต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำก่อนกำหนดเป็นครั้งที่ 2 เนื่องจากประสบ ปัญหาทางเทคนิค เนื่องจากพื้นทะเลมีความลึกกว่า 4,500 เมตร เกินขีดความสามารถของยานชนิดนี้ อย่างไรก็ตามศูนย์ประสานงานร่วมออสเตรเลีย (JACC) กลับไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับความล้มเหลวครั้งที่สอง และยังไม่เปิดเผยด้วยว่า บลูฟิน-21 ใช้เวลาอยู่ใต้ทะเลนานเท่าใด



+++ไนจีเรีย ระดมกำลังจากทั้งกองทัพ ตำรวจและอาสาสมัครท้องถิ่น ปฏฺิบัติการตามหานักเรียนหญิงอย่างน้อย 100 คนที่ถูกกลุ่มมือปืนที่เชื่อว่าน่าจะเป็นสมาชิกของนักรบอิสลามิสต์โบโกฮาราม ลักพาตัวไปจากโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในรัฐบอร์โน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคาดว่า อาจถูกนำเข้าป่าใกล้ๆกับชายแดนแคเมอรูน นานหลายปีที่แล้วที่กลุ่ม โบโกฮาราม กลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง  ปฏิบัติการก่อความไม่สงบรุนแรงตามรัฐต่างๆทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



+++รัฐบาลอียิปต์ สั่งเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยสุเหร่าทุกแห่งทั่วประเทศ  คัดกรองครูสอนศาสนาและควบคุมคำสอน เพื่อกวาดล้างอิทธิพลของพรรคภราดรภาพมุสลิม  ที่สอดแทรกแนวคิดหัวรุนแรงให้แก่เยาวชน หวังเป็นเครื่องมือก่อความรุนแรงทางการเมืองในอนาคต รัฐมนตรีศาสนาของอียิปต์ เตือนไปยังสุเหร่ากว่า 1 แสนแห่งทั่วประเทศ  หากสุเหร่าแห่งใดใช้คำสอนที่บิดเบือนจะถูกปิดทันที ทั้งนี้มีครูสอนศาสนากว่า 12,000 คน ถูกห้ามสอนศาสนาในสุเหร่า นับแต่รัฐบาลเริ่มรณรงค์กวาดล้างอิทธิพลพรรคภราดรภาพมุสลิม



+++ราคาทองคำ  ปิดบวกเล็กน้อย หลังนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ย้ำถึงคำมั่นจะยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,303.50 ดอลาร์ต่อออนซ์



+++ตลาดหุ้นสหรัฐ ขยับขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจและรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดหมายของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างยาฮู ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 162.29 จุด  ปิดที่ 16,424.85 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 19.33 จุด ปิดที่ 1,862.31 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 52.06 จุด ปิดที่ 4,086.23 จุด



+++ราคาน้ำมัน ทรงตัว สต๊อกเชื้อเพลิงสำรองสหรัฐ ช่วยกลบความกังวลทางอุปทานเกี่ยวกับภาวะความตึงเครียดในยูเครน

สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐ งวดส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ ปิดที่ 103.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ ปิดที่ 109.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



+++เกาหลีเหนือ ไม่ตลกด้วย หลังร้านทำผมแห่งหนึ่งในลอนดอนของอังกฤษ ใช้รูปนาย คิมจองอึน เรียกลูกค้า ดำเนินการเขียนหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ ภาพโปสเตอร์ ใช้ทรงผมไถข้างอันเป็นเอกลักษณ์ของนายคิม เป็นรูปประกอบ มันจึงเป็นที่บาดใจแก่เจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีเหนือ ซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากร้านทำผม เจ้าหน้าที่ถึงขั้นเดินทางมาที่ร้านเพื่อแสดงความข้องใจ รวมทั้งยังเขียนหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เรียกร้องให้ดำเนินการเท่าที่จะเป็นได้เพื่อหยุดพฤติกรรมยั่วยุนี้ด้วย



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X