หลังจากที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ในฐานะรักษาการแทนประธานวุฒิสภา ประชุมทีมกฏหมาย เป็นเวลากว่า2ช่วโมง เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้วุฒิสภาจะส่งหนังสือตอบกลับถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี เพื่อยืนยันว่าวุฒิสภา มีความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ยื่นทูลเกล้าฯ ตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เนื่องจากตามกฏหมาย วุฒิสภา จะสามารถเรียกประชุมเองได้ เฉพาะในช่วงระหว่างสมัยประชุม และนอกสมัยประชุมเท่านั้น แต่สถานการณ์ปัจจุบันขณะนี้ ยังไม่มีสภาทำให้ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ วุฒิสภาจึงมีความเห็นว่า ในกรณีดังกล่าวจะใช้บทบัญญัติทั่วไป คือ ฝ่ายบริหารจะเป็นผู้มีอำนาจทูลเกล้าฯขอเปิดสมัยประชุม ยืนยันว่า ประเด็นที่ะขอเปิดสมัยประชุมมีเพียง 3เรื่อง ประกอบด้วย การถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ออกจากตำแหน่งประธานวุฒิสภา หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มีมติ ถอดถอน การขอมติเห็นชอบให้น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. และการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง ส่วนกรณีที่มีการพูดว่า อาจจะมีการนำเรื่อง นายกฯ มาตรา7 มาเข้าที่ประชุม นายสุรชัย กล่าวว่าตามกฏหมาย สมาชิกสามารถเสนอญัตติเร่งด่วนเข้ามาได้ แต่ทำเนียมปฏิบัติส่วนใหญ่จะดูความเหมาะสม รวมถึงจะต้องมีสมาชิกรับรองด้วยว่าจะสามารถนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาได้หรือไม่ สำหรับกรอบเวลา ในขณะนี้ถือว่า ไม่สามารถเปิดประชุมในวันพรุ่งนี้ได้ ทำให้ ในประเด็นการถอดถอนนายนิคม เลยกำหนดตามกฏหมายที่ระบุว่าจะต้อง ส่งเรื่องให้วุฒิสภาพิจารณา ภายใน20วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 19 เม.ย.วุฒิสภาจะรอหนังสือที่ส่งเรื่องให้รัฐบาลในวันนี้ก่อน หากรัฐบาลยังยืนยันว่าไม่สามารถทูลเกล้าฯ เปิดสมัยประชุมได้ ก็จะต้องยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไป ส่วนการแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ มีกรอบเวลา30วัน ซึ่งวุฒิสภาได้เสนอกรอบเวลา ว่าจะเปิดประชุมในวันที่24 เม.ย.นี้ หากรัฐบาลเห็นควรก็ขอให้เร่งดำเนินการทูลเกล้าฯ ขอเปิดสมัยประชุมอย่างเร่งด่วน แต่หากไม่ดำเนินการก็คาดว่าจะต้องส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย ยืนยันวุฒิสภาไม่มีนัยยะในการขอให้เปิดสมัยประชุม การดำเนินการต่างๆเป็นเพียงการทำหน้าที่ตามกรอบเวลาที่กำหนด