*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น. *

++นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ จะเป็นประธานเปิดกล่องและเปิดซองเสนอประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ผ่านเอเฟ็ต ครั้งที่ 5/2557  เวลา 14.00 น. ที่ รร.ริชมอนด์

หลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. เป็นประธานเปิดโรงสีข้าวสภาชาวนาและเกษตรกรแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณเกาะกลางถนน ทางเข้าศูนย์ราชการ ซอยแจ้งวัฒนะ 7 ใกล้กับเวทีการชุมนุม มีเป้าหมายเพื่อให้ชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และชาวนาทั่วไป นำข้าวเปลือกมาสีพร้อมจัดจำหน่าย โดยชาวนาจะได้เรียนรู้ขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่ายด้วยตัวเอง

 หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า จากนี้จะเปิดรับลงชื่อชาวนาทั่วประเทศที่ต้องการนำข้าวเปลือกมาสีและจำหน่าย โดยจะให้ใช้โรงสีในลักษณะหมุนเวียนกันอย่างทั่วถึง ส่วนข้าวที่จัดจำหน่ายจะใช้ชื่อตรา ข้าวสารดี เน้นเรื่องของคุณภาพ บรรจุถุงละ 5 กก. ราคาถุงละ 100 บาท ยกเว้นข้าวสีนิลจะบรรจุ 1.5 กก. ราคาถุงละ 100 บาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประมูลข้าว 3 ถุงแรกที่หลวงปู่ฯ ประเดิมบรรจุและแพ็กถุงเองนั้น มีผู้เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองเป็นคนประมูล ได้เงินรวมทั้งสิ้น 9.8 หมื่นบาท

+++ด้านนายปัญญา จุลอำพันธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายชาวนาไทย เปิดเผยภายหลังยื่นหนังสือทวงเงินโครงการรับจำนำข้าว ปีการผลิต 56/57 ต่อนายปัญญา ฉายะจินดาวงศ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการคลัง ว่า ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ สมาพันธ์ฯ ทั้ง 39 จังหวัด ที่มีสมาชิกประมาณ 1 แสนราย เตรียมนำข้าวเปลือก 1,000 ตัน ราคาตันละ 1.5 หมื่นบาท มาขายให้กับรัฐบาลตามนโยบายรับจำนำข้าว พร้อมทั้งจะยกระดับการชุมนุมด้วยการขายข้าวเปลือกให้กับรัฐบาล รวมถึงทุกกรม และกระทรวง ตลอดเดือน เม.ย.นี้ หากสมาพันธ์ฯ ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาลว่าจะนำเงินค่าจำนำข้าวอีก 2.7 หมื่นล้านบาท ไปจ่ายให้ชาวนา 1.2 แสนราย ที่มีใบประทวนมาแสดงถึงวันที่ 9 ธ.ค. 56

 +++นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติให้  นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. นั่งเป็นองค์คณะไต่สวนโครงการรับจำนำข้าว ต่อไป เนื่องจากเห็นว่า เหตุผลที่ทีมทนายนายกฯ อ้างเหตุมาว่า นายวิชาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผู้ถูกกล่าวหาในลักษณะเย้ยหยัน มีอคติ เอนเอียงนั้น ฟังไม่ขึ้น จึงไม่เป็นเหตุผลตามกฎหมายให้เปลี่ยนตัวนายวิชาออกจากองค์คณะไต่สวน ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งให้ทีมทนายนายกฯ ทราบต่อไป  โดยขณะนี้ ยังไม่ได้รับการติดตามว่า นายกฯจะมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายในวันที่ 31 มี.ค.หรือไม่ หากนายกฯไม่มาภายในเวลาที่กำหนด ป.ป.ช. จะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

+++น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าจะเดินทางเข้าพบ ป.ป.ช. หรือไม่ ยังไม่ขอบอก อย่าถามล่วงหน้า ขอให้ผู้สื่อข่าวถามเป็นวัน ๆ ไป

+++กำลังซื้อ เริ่มกลับมาหลังกลุ่มผู้ชุมนุมย้ายเข้าไปในสวนลุม  น.ส.นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนาเปิดเผยว่า ภาพรวมกำลังซื้อในช่วง 2-3 เดือนแรกของปีนี้ ถือว่ามีการเติบโตดี โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นสาขาที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองนั้นขณะนี้จำนวนคนเข้าศูนย์การค้าเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ช่วงต้นเดือน มี.ค.แล้ว และอาจพิจารณาปรับค่าเช่าขึ้นอีกประมาณ 5%

+++บรรยากาศกำลังซื้อในศูนย์การค้าย่านประตูน้ำในขณะนี้ เริ่มฟื้นคืนกลับมาแล้วราว 20% กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นในประเทศส่วนใหญ่ และเริ่มมีลูกค้าต่างชาติในกลุ่มเอเชียและแอฟริกาที่เริ่มทยอยเข้ามาซื้อสินค้ามากขึ้น

+++สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)ประเมินว่า การจัดงานมอเตอร์โชว์ระหว่างวันที่ 26 มี.ค.-6 เม.ย. 2557 จะช่วยกระตุ้นให้ยอดขายรถยนต์ฟื้นตัวจาก 2 เดือนของไตรมาสแรกปีนี้ยอดขายรถหดตัวเฉลี่ย45.15% ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวดีขึ้น โดย สศค.คาดว่าตลอดทั้งปี2557 การบริโภคภาคเอกชนจะสามารถขยายตัวได้ที่ 2.8%

+++ด้านนายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักธุรกิจไทยภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง พบว่าหากสถานการณ์ยืดเยื้อไปถึงปี 2558 จะมีนักธุรกิจไทยขนาดกลางและขนาดใหญ่ 2,800 รายเตรียมขยายฐานธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มูลค่าเงินทุนประมาณ 2 แสนล้านบาทแต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อถึงสิ้นปีนี้ ก็จะมีนักธุรกิจไทยที่ตัดสินใจย้ายฐานธุรกิจออกไปเพียง 1,440 ราย หรือ 1.23 แสนล้านบาท โดยอินโดนีเซียเป็นประเทศที่นักลงทุนจะย้ายฐานไปลงทุนมากที่สุด มีมูลค่าอยู่ที่3.75 หมื่นล้านบาทรองลงมาเป็นพม่าเวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มค้าปลีกค้าส่งการเงินและประกันภัย เป็นต้น ซึ่งอาจจะเข้าไปในรูปแบบการร่วมทุน สำหรับเหตุผลหลักที่จะย้ายการลงทุน คือต้องการแหล่งวัตถุดิบราคาถูก แรงงานราคาถูก สาธารณูปโภคพร้อม และการเมืองมั่นคง

+++ วันนี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขการส่งออกเดือน ก.พ. ที่ขณะนี้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศคาดการณ์เบื้องต้นน่าจะเป็นบวก โดยเชื่อว่า จากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 3.53.6% จะทำให้เศรษฐกิจตลาดสำคัญต่างๆ ของไทยกลับมาดีขึ้น น่าจะทำให้ตัวเลขการส่งออกของไทยปีนี้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 5% แน่นอน สำหรับเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกของไทยไปตลาดต่างประเทศ 17,907 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 1.98%

+++วันนี้  กรมการค้าภายในจะเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ เพื่อเสนอมาตรการให้ที่ประชุมพิจารณาว่า จะขอความร่วมมือกลุ่มผู้เลี้ยงหมูให้ตรึงราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม ไม่ให้ขายเกิน กก.ละ 78 บาท เพื่อไม่ให้ราคาขายปลีกหมู เนื้อแดงจำหน่ายเกิน กก.ละ 160 บาท และจะเรียกผู้ประกอบการหมูทั้งระบบมาหารือ หรือจะจำกัดการส่งออกหมูตามแนวชายแดน หลัง ราคาขายปลีกเนื้อหมูในตลาดสดเขตกรุงเทพฯ ที่ได้ขยับขึ้นไปทะลุ กก.ละ 155-160 บาท

+++กระทรวงสาธารณสุขเตรียมแจ้งความจับนปช.นนทบุรี   นพ.บัญชา ค้าของ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง สธ. กล่าวว่า จะส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธร จ.นนทบุรีเนื่องจากมีการบุกรุกสถานที่ราชการ ทำลายสิ่งของและทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่หลังเข้ามาในกระทรวง เพื่อเรียกร้องให้ปลดป้าย "ไม่เอารัฐบาลโกงประชาชน" และป้าย "ขอประณามการใช้ความรุนแรง รัฐบาลต้องรับผิดชอบ" ซึ่งติดอยู่ในบริเวณกระทรวง ระหว่างการเจรจาระหว่างผู้แทนสธ.และกลุ่มผู้ชุมนุม ข้าราชการสธ.ได้ออกมาเป่านกหวีดและตะโกนขับไล่ โดยคนเสื้อแดงคนหนึ่งได้นำขวดน้ำพลาสติกตีบริเวณศีรษะของเจ้าหน้าที่หญิงสธ.คนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีผู้พบเห็นผู้ชุมนุมคนหนึ่งแสดงพฤติกรรมล้อเลียนเจ้าหน้าที่ด้วยท่าทางหยาบคาย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการปลดป้ายออกตามที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง โดยหลักจากเกิดเหตุการณ์โต้เถียงกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรนนทบุรี ได้เดินทางมาระงับเหตุ แต่ผู้ชุมนุมได้เดินทางกลับไปก่อน

+++ ธนาคารกรุงเทพ สัมมนา หัวข้อ “START UP” ติดเครื่องธุรกิจ : อนาคตเศรษฐกิจไทย ขึ้น เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้องบอลรูม ชั้น 4 โรงแรมชาเทรียม ริเวอร์ไซด์ ถนนเจริญกรุง นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ร่วมอภิปราย  และ นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ บรรยายเรื่อง “เศรษฐกิจและการเมืองไทย ปี 2557”

+++เริ่มให้เข้าชมวันนี้ -วันที่ 6 เมษายน 2557 นี้ ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี  งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 35 ในคอนเซ็ปต์ “Beauty in the Drive” หรือ “ยานยนต์สะกดใจ มีค่ายรถยนต์มาร่วมมากถึง 28 ค่าย และค่ายมอเตอร์ไซค์อีก 7 ค่าย รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องอีกกว่า 168 บูธ ในวันธรรมดา ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น.และในวันหยุด ตั้งแต่เวลา 11.00 – 22.00 น. บัตรเข้าชมงานยังคงจำหน่ายที่ 100 บาท และหางบัตรยังสามารถใช้ชิงโชครับของรางวัลต่างๆอาทิ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ รวมถึงของรางวัลอีกมากมายเช่นเดิม อย่าแวะชมบูทของวิริยะประกันภัยร่วมกับ จส. 100 ด้วย 

บุษบง/08.00น.