ผู้ว่าฯศรีสะเกษ ผ่อนผันคนเข้า-ออก ที่ด่านชายแดนช่องสะงำ

20 กรกฎาคม 2563, 18:58น.


            นายอรรถพล อรรคบุตร นายอำเภอภูสิงห์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายสรศิริ จันดีบุตร ป.หน.กคม.และสมาชิก อส.ภูสิงห์ที่ 19 ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ ,เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ   เจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.๓ และ เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อฯ ร่วมกันนำป้ายประกาศคำสั่งจังหวัดศรีสะเกษ2962/2563 เรื่องการผ่อนผันการใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์  จังหวัดศรีสะเกษ  ซึ่งลงนามโดย นายวัฒนา พุฒิชาติ  ผู้ว่าราชการจังหวัด  วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เรื่อง  การผ่อนผันการใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ  อำเภอภูสิงห์  จังหวัดศรีสะเกษ



          โดยสาระสำคัญในประกาศมีว่า ตามที่จังหวัดได้มีคำสั่งระงับการใช้ช่องทางการเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะและสิ่งของ  ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำเป็นการชั่วคราว  ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม  2563 ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( โควิด-19 ) นั้น   เนื่องจากการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ในประเทศไทยได้ผลดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ประกอบกับนายก รัฐมนตรีได้มีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่12)และมติคณะกรรมการโรคติดต่อศรีสะเกษ จึงมีคำสั่งให้ดังต่อไปนี้

          1.ให้ผ่อนผันการใช้ช่องทางสำหรับการนำเข้า- ส่งออก ขนส่งสินค้าและสินค้าผ่านแดน  ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

          2.ให้ผ่อนผันการใช้ช่องทางสำหรับการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรของบุคคล ณ จุดผ่านแดนช่องสะงำ  อำเภอภูสิงห์  จังหวัดศรีสะเกษ

          2.1 ผู้มีสัญชาติไทย

          2.2 ผู้มีเหตุยกเว้นหรือเป็นกรณีที่นายกรัฐมนตรีหรือหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกำหนดอนุญาตหรือเชิญให้เข้ามาในราชอาณาจักรได้ตามความจำเป็นโดยอาจกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาได้

          2.3 บุคคลใดในคณะทูต  คณะกงสุล  องค์การระหว่างประเทศหรือผู้แทนรัฐบาล หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศ  ซึ่งมาปฎิบัติงานในประเทศไทยหรือบุคคลในหน่วยงานระหว่างประเทศอื่นตามที่กระทรวงการต่างประเทศอนุญาตตามความจำเป็น  ตลอดจนคู่สมรส บิดามารดา  หรือบุตรของบุคคลดังกล่าว

          2.4 ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น  แต่เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้กลับออกไปโดยเร็ว

          2.5 ผู้ควบคุมยานพาหนะหรือเจ้าหน้าที่ที่ประจำยานพาหนะซึ่งจำเป็นต้องเดินทางเข้ามาตามภารกิจ และมีกำหนดเวลาเดินทางออกนอกราชอาณาจักรชัดเจน

          2.6 ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งเป็นคู่สมรส  บิดามารดา หรือบุตรของผู้มีสัญชาติไทย

          2.7 ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรหรือได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร

          2.8 ผู้ไม่มีสัญชาติไทย ซึ่งมีใบอนุญาตทำงานหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามกฏหมาย  ตลอดจนคู่สมรสหรือบุตรของบุคคลดังกล่าว

          2.9 ผู้ไม่มีสัญชาติไทย  ซึ่งเป็นนักเรียนหรือนักศึกษาของสถานศึกษาในประเทศไทย ที่ทางการไทยรับรอง ตลอดจนบิดามารดา หรือผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว  ยกเว้นนักเรียนหรือนักศึกษาของโรงเรียนนอกระบบตามกฏหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือของสถานศึกษาอื่นของเอกชนที่มีลักษณะคล้ายกันดังนี้

          2.9.1 นักเรียนหรือนักศึกษาของสถาบันศึกษาตามกฏหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนประเภทนานาชาติหรือมหาวิทยาลัยในหลักสูตรนานาชาติ  ทั้งนี้ให้รวมถึงบิดามารดา หรือผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว

          2.9.2 นักเรียนของโรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือในสังกัดหน่วยงานอื่นของรัฐทั้งนี้ไม่รวมถึงบิดามารดาหรือผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว

          2.9.3 นักเรียนของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนหรือโรงเรียนของสังกัดอื่นที่มีภารกิจในลักษณะเดียวกันทั้งนี้ไม่รวมถึงบิดามารดาหรือผู้ปกครองของบุคคลดังกล่าว

          2.10 ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งมีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทยและผู้ติดตามของบุคคลดังกล่าวแต่ต้องไม่เป็นกรณีเข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาลโรคโควิด-19 ทั้งนี้เฉพาะผู้มีความจำเป็นต้องเข้ามารับการตรวจรักษาพยาบาลในประเทศไทยที่เดินทางโดยทางอากาศโดยให้จำกัดจำนวนผู้ติดตามได้ไม่เกิน3 คนและให้เข้ารับการกักกันในสถานพยาบาลเดียวกันรวมถึงต้องมีระยะเวลาที่อยู่ในราชอาณาจักรไม่น้อยกว่า 14 วัน

          2.11 ผู้ไม่มีสัญชาติไทยซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อตกลงพิเศษ  (Special  Arrangement ) กับต่างประเทศ

          2.11.1 ระยะยาวทั้งนี้ให้มีการกำหนดโควต้าจำนวนผู้เดินทางจากประเทศที่มีข้อตกลงพิเศษโดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอขอความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ( โควิด-19)

          2.11.2 ระยะสั้นทั้งนี้ให้มีการกำหนดโควต้าจำนวนผู้เดินทางจากประเทศที่มีข้อตกลงพิเศษโดยกระทรวงการต่างประเทศเสนอขอความเห็นชอบจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019  (โควิด-19)

          3. ให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  แนบท้ายคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  (โควิด-19) ที่ 7 / 2563 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2563

          ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่งมา  ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2563 โดยนายวัฒนา  พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ผู้อำนวยการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จังหวัดศรีสะเกษ

ข่าวทั้งหมด

X