พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย ผลการประชุมชุดตรวจสอบสถานบริการ มีความเห็นแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับสถานบริการ ปัจจุบันในพื้นที่กทม.พบว่ามีสถานบริการในเขตโซนนิ่ง จดทะเบียนถูกต้อง198ราย นอกโซนจดทะเบียน480ราย ไม่จดทะเบียน2,000ราย โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไข พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 เพิ่มเติมนิยามสถานบริการ ตามมาตรา3(6) ให้สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องอย่างอื่นจำหน่าย หรือยินยอมให้มีการดื่มสุรา ซึ่งลักษณะสถานที่ให้บริการเปิดโล่ง หรือตัวอาหารไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด จัดให้มีดนตรี การแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นเพื่อความบันเทิง มีระดับเสียงมีระดับเสียงเกิน80เดซิเบลเอ ให้บริการไม่เกิน23.00น. "เป็นสถานบริการ" เช่น ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะริมทาง ซึ่งได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก และต้องมีการเก็บค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาต โดยพื้นที่ไม่เกิน100ตารางเมตร 10,000บาท เกิน100 ตร.ม.ไม่ถึง300ตารางเมตร 30,000บาท และพื้นที่เกิน300ตารางเมตร50,000บาท ให้เพิ่มโทษใน มาตรา26 ผู้ใดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่3-5ปี หรือปรับตั้งแต่120,000บาท ถึง 400,000บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ เพิ่มเติม มาตรา26/1 ผู้ใดดำเนินกิจการสถานบริการในระหว่างถูกพักใช้ใบอนุญาต หรือ ดำเนินกิจการสถานบริการผิดประเภทที่ระบุไว้ในใบอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี หรือ ปรับตั้งแต่60,000บาท ถึง200,000บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับขณะเดียวกันได้ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา27/1ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง มาตรา17 เกี่ยวกับเวลาเปิด-ปิด สถานบริการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-3 ปี หรือ ปรับตั้งแต่60,000บาทถึง200,000บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องมีการเพิ่มโทษเนื่องจากผู้ประกอบการไม่เกรงกลัว เนื่องจากในอดีตมีการปรับในอัตราต่ำ ซึ่งการลักลอบเปิดเกินเวลามักก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมซึ่งได้มีการกำหนดเวลาเปิดปิดสถานบริการในกฎกระทรวงใหม่ ให้สถานบริการประเภทต่างๆให้เปิดทำการได้ไม่เกิน01.00น.ของวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดโซนนิ่งเพิ่มเติมจากย่านพัฒน์พงษ์ เพชรบุรีตัดใหม่ และรัชดาภิเษก ได้เสนอให้มีการเพิ่มอีก8พื้นที่ ได้แก่ ย่านเพชรบุรี ถ.ประเสริฐมนูญกิจ-ประดิษฐ์มนูธรรม ,ลาดกระบัง,สุขุมวิท,ราชพฤกษ์ ,บรมราชชนนี,รัชดา-ท่าพระ และ ย่านพระราม2อย่างไรก็ตามชุดทำงานตรวจสอบสถานบริการจะเสนอคณะกรรมการระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมในวันที่28เมษายน นี้ เพื่อเสนอกระทรวงมหาดไทยและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป