จากสถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐฯที่ยังไม่คลี่คลายลง ทำให้หลายรัฐต้องเพิ่มมาตรการเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนอีกครั้ง
นางจีนา เอ็ม ไรมอนโด ผู้ว่าการรัฐโรดไอร์แลนด์ เปิดเผยว่า โรงเรียนเกือบทุกแห่งในรัฐจะเปิดเรียนในวันที่ 14 กันยายนนี้ แต่รูปแบบการเรียนการสอนในช่วงแรกนี้จะเป็นแบบผสมผสานคือมีทั้งการเรียนในห้องเรียนกับการเรียนออนไลน์ และการเรียนด้วยตนเอง หากนักเรียนมีอาการป่วยจะต้องไปเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หากไม่พบเชื้อจึงจะสามารถกลับมาเข้าห้องเรียนได้อีกครั้ง
ส่วนเมืองพรอวิเดนซ์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐกับเมืองเซนทรัลฟอลล์เป็นพื้นที่ที่มีผู้ป่วยจำนวนมากจึงให้ปิดเรียนต่อไป โดยในอีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้าจะมีการพิจารณาเรื่องการเปิดเรียนอีกครั้ง
นอกจากนี้ รัฐยังจัดให้มีการทดสอบแบบรวดเร็ว (rapid test) สำหรับนักเรียนชั้น K-12 (ม.6) และเจ้าหน้าที่ทั้งในโรงเรียนของรัฐและเอกชน โดยผู้ปกครอง และครูอาจารย์ของโรงเรียนต่าง ๆ จะต้องโทรไปที่สายด่วนพิเศษเพื่อนัดวันเวลาเข้าทดสอบกับทางศูนย์ทดสอบก่อน และโรงเรียนจะต้องจัดห้องแยกสำหรับผู้ที่รู้สึกไม่สบายก่อนที่จะเปิดการเรียนการสอน
ส่วนมหาวิทยาลัยเซาท์แคโรไลนา รายงานว่ามีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันสะสมมากกว่า 1,017 คนแล้วซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา โดยมหาวิทยาลัยมีผู้ป่วยสะสมจำนวน 1,000 คนในวันที่ 29 สิงหาคม เมื่อรายงานผู้ป่วยใหม่ 302 คนในรอบเวลา 1 วัน และหากรวมจำนวนเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย จะมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,026 คน
แม้ว่าจำนวนผู้ป่วยสะสมที่เพิ่มขึ้นนี้จะทำให้พื้นที่กักกันผู้ป่วยของมหาวิทยาลัยเหลืออยู่เพียงร้อยละ 40 แต่ทางมหาวิทยาลัยยังคงคำเตือนสถานการณ์โควิด-19 ไว้ที่ระดับต่ำ (low) เช่นเดิม
และที่นิวยอร์ก นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรี กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ปกครอง พบว่าส่วนใหญ่ต้องการให้บุตรหลานเรียนผ่านระบบการสอนทางไกล และเรียนด้วยตนเอง แต่ทางการนิวยอร์ก ยืนยันเป้าหมายการพานักเรียนกลับไปโรงเรียน จึงต้องเพิ่มการทำงานเพิ่มเติมเพื่อทำให้ผู้ปกครองมีความมั่นใจ โดยเฉพาะการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อในโรงเรียน รวมถึงการตรวจสอบข้อมูลการติดเชื้อและการปรับนโยบายให้เหมาะสม หากพบการแพร่ระบาดในนครนิวยอร์กในอัตราร้อยละ 3 ก็จะให้ปิดโรงเรียนในทันที ซึ่งจนถึงเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม อัตราการแพร่ระบาดในเมืองอยู่ที่ร้อยละ 1.33
....