หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยังไม่ได้หารือการเว้นวรรคการเมืองกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังมีกระแสข่าวอดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชายส่งสัญญาณให้ตระกูลชินวัตร ยุติบทบาททางการเมือง โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ย้ำว่า ตัวเองไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่อยากเห็นประเทศสงบ และทุกคนเคารพกติกาคือการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่ทุกคนยอมรับผล พร้อมกันนี้ย้ำว่า ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ซึ่งอยากให้ทุกคนหันเข้าหากันเพื่อแก้ไขปัญหา หากมีทิฐิต่อกันประเทศก็จะเจ็บปวด โดยเฉพาะความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจ
ด้านนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบเสนอการตราพระราชกฤษฎีกา ขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่1พ.ค.-10พ.ค.ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อพิจารณาแต่งตั้งบุคคลตาม รธน.ม.132(2) แต่มีหนังสือจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรที่มีความเห็นต่างในข้อกฎหมายว่าการเสนอเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาไม่ใช่ประธานวุฒิสภา โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหารือกับเลขาธิการวุฒิสภารวมถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อหาข้อสรุปในข้อกฎหมายและให้เตรียมการยกร่างพระราชกฤษฎีกาขอเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญไว้รอ หากได้ข้อสรุปแล้วคณะรัฐมนตรีก็พร้อมเรียกประชุมนัดพิเศษเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไปทั้งนี้ในหนังสือขอเปิดประชุมเป็นเพียงการเปิดประชุมตามมาตรา132(2)เพื่อแต่งตั้งบุคคลไม่ใช่ มาตรา132(3) ที่เกี่ยวการพิจารณาถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง
ขณะที่ ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน รถเมล์ รถไฟฟรี ตั้งแต่ 1พ.ค.-31ก.ค.2557รวมถึงเห็นชอบต่อเวลาการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ของดร.วีรชัย พลาศรัย ออกไปอีก1ปี ตั้งแต่26พ.ค.2557-25พ.ค.2558และต่ออายุราชการนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกไปอีกตั้งแต่7เม.ย.2557-30ก.ย.2557 โดย ครม.ให้เหตุผลว่านายวิทยาเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและคุ้นเคยกับพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอย่างดี
วินัยธร