นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติต่ออายุบันทึกความตกลงการซื้อขายข้าวระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ เพื่อให้รัฐบาลสามารถเข้าร่วมการประมูลขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับรัฐบาลฟิลิปปินส์ ขั้นตอนต่อไปกรมการค้าต่างประเทศ จะส่งหนังสือแจ้งไปยังฟิลิปปินส์ เพื่อลงนามร่วมกันต่อไป ซึ่งจะส่งผลดีต่อไทย ทั้งนี้ เชื่อว่าฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลนำเข้าข้าวในปีนี้ต่อเนื่อง อาจจะ 3-4 เดือนต่อครั้ง เพราะปีนี้ฟิลิปปินส์ประสบปัญหาภัยแล้ง จึงจำเป็นต้องนำเข้าข้าว และเมื่อมีข้อตกลงร่วมกันแล้ว จะทำให้รัฐบาลไทยสามารถเข้าร่วมขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ได้ทันที ด้านนายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน ประชุมคณะทำงานพิจารณาการซื้อขายข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟท) ยอมรับว่ากระแสข่าวที่เอกชนไทยไม่ชนะประมูลข้าวในตลาดฟิลิปปินส์จำนวน 8 หมื่นตัน ทำให้ราคาเฉลี่ยข้าวของไทยลดลง โดยเฉพาะข้าวขาว ขณะที่อยู่ที่ประมาณ 11-12 บาทต่อกิโลกรัม ลดลงเฉลี่ย 30 สตางค์ จากการเปิดประมูลในช่วง 9 ครั้งที่ผ่านมา สามารถอนุมัติขายข้าวแล้วทั้งสิ้น 5 แสน 47,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท และยังมองว่าการกำหนดเกณฑ์ขายข้าวผ่านเอเฟทจะไม่มีการปรับ แม้ว่าการอนุมัติขายในแต่ละครั้งจะไม่มาก เพราะกระทรวงพาณิชย์จะอิงราคาตลาดให้มากที่สุด เพื่อจะได้นำเงินจากการขายข้าวคืนให้กับชาวนาป ซึ่งในการประมูลครั้งที่ 10 วันพรุ่งนี้ ปริมาณกว่า 2 แสน 10,000 ตัน แบ่งเป็นข้าวหอมมะลิกว่า 5หมื่นตัน และข้าวขาว 5% จำนวน 1 แสน 60,000 ตัน คาดว่าน่าจะสามารถระบายได้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด พร้อมยืนยันว่าจะเดินหน้าระบายผ่านเอเฟทไปจนถึงสิ้นปีนี้