*ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.
+++ตัวเลขเหยื่อเฟอร์รีมรณะของเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นพรวดพราดมากกว่า 120 ศพในวันอังคาร สภาพอากาศที่ดีขึ้นและท้องทะเลที่สงบลงในวันอังคาร(22) ทำให้ปฏิบัติการกู้ภัยดูจะราบรื่นกว่าวันที่ผ่านๆมา อย่างไรก็ตามด้วยวิสัยทัศน์ใต้น้ำที่ยังคงย่ำแย่ เป็นผลให้ทีมประดาน้ำต้องค่อยๆเสาะหาลัดเลาะไปตามทางเดินและห้องต่างๆของเรือที่อัปปางและจมลงนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ขณะกำลังเดินทางจากเมืองอินชอนมุ่งหน้าไปยังเกาะเชจูเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเพิ่มเป็น 121 ศพ และยังสูญหาย 181 ศพ ขณะที่ผู้โดยสารของเรือเซวอล น้ำหนัก 6,825 ตัน มีทั้งหมด 476 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน
ส่วน ลูกเรือทั้ง 4 คน ประกอบด้วย ต้นเรือ 2 คน ต้นหน 1 คน และต้นกล 1 คน ทั้งหมดยืนก้มหน้าขณะตอบคำถามผู้สื่อข่าวก่อนถูกนำตัวกลับไปควบคุม จึงเห็นไม่ชัดว่าใครเป็นพูด คนหนึ่งกล่าวว่า พยายามจะไปยังจุดที่มีเรือชูชีพแต่ไม่สามารถทำได้เพราะเรือเอียงมาก เรือเซวอลมีเรือชูชีพทั้งหมด 46 ลำ แต่มีเพียง 2 ลำเท่านั้นที่ถูกใช้งาน คนหนึ่งกล่าวว่า เกิดปัญหาขึ้นในช่วงที่เรือหักเลี้ยว ขณะที่อีกคนกล่าวว่า ท้ายที่สุดแล้วมีคำสั่งให้สละเรือ ลูกเรือไปรวมตัวกันที่สะพานเดินเรือ ซึ่งเป็นพื้นที่ยกสูงขึ้นจากดาดฟ้าเรือสำหรับนายเรือควบคุมสั่งการ หวังรักษาสมดุลเรือแต่ไม่สามารถทำได้ คนหนึ่งกล่าวว่า เครื่องถือท้ายเรืออาจหัก
+++บรรดาญาติของผู้โดยสารเที่ยวบินเอ็มเอช 370 ที่สูญหายของมาเลเซียแอร์ไลน์ได้ตำหนิข้อเสนอของทางการมาเลเซียที่ว่า รัฐบาลจะพิจารณาออกใบมรณบัตรให้กับคนบนเครื่องบินลำนั้น ทั้งๆที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า เกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินนั้น แถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ โดยตัวแทนครอบครัวผู้โดยสาร เพื่อตอบโต้การรายงานความคืบหน้าการค้นหาเครื่องบินของทางการมาเลเซียเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังเรียกร้องให้มีการทบทวนข้อมูลดาวเทียมสื่อสารอินมาแซตของอังกฤษ ที่ทางการมาเลเซียใช้อ้างอิงพร้อมทั้งสันนิษฐานว่า เครื่องบินน่าจะตกในที่บางแห่งของมหาสมุทรอินเดีย
+++ก่อนหน้านี้ นายฮัมซาห์ ไซนุดดิน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของมาเลเซีย กล่าวว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องกรอบเวลาสำหรับการออกใบมรณบัตรให้กับผู้โดยสาร เพื่อให้ครอบครัวสามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นขอรับค่าทดแทนกรณีการเสียชีวิตของคนในครอบครัว การชำระหนี้สินและการปัญหาอื่นๆ เขาเสนอให้ญาติผู้โดยสารยื่นขอรับการช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาลมาเลเซีย ส่วนการค้นหาเครื่องบินจะยังคงเดินหน้าต่อไป
++++บีบีซี รายงานว่า รองประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ กล่าวว่า รัสเซียจะต้องเริ่มดำเนินการเพื่อช่วยคลี่คลายวิกฤติในยูเครน ระหว่างการแถลงข่าวร่วมในกรุงเคียฟกับนายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค รักษาการนายกรัฐมนตรี นายไบเดนเตือนรัสเซียว่า พฤติกรรมการยั่วยุเพิ่มเติมมีแต่จะส่งผลให้รัสเซียถูกประชาคมระหว่างประเทศโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเตือนรัสเซียให้ยุติการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่ฝักใฝ่รัสเซียทางภาคตะวันออกของยูเครน โดยสหรัฐจะยืนอยู่เคียงข้างรัฐบาลชุดใหม่ของยูเครน เพื่อต่อสู้กับการคุกคามที่น่าอับอาย พร้อมทั้งย้ำให้ทางการยูเครนเดินหน้าแก้ไขปัญหาสำคัญๆของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาคอร์รัปชั่น ที่ทำลายระบบเศรษฐกิจของยูเครน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยูเครนสร้างความเป็นปึกแผ่นของประเทศขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกันนี้ เขากล่าวว่า สหรัฐจะให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนทางการยูเครนให้เดินหน้ามาตรการปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจ
+++นายอากิระ อามาริ รัฐมนตรีญี่ปุ่นที่รับผิดชอบการเจรจาความเป็นหุ้นส่วนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก (ทีพีพี) เผยว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐอาจไม่ประกาศข้อตกลงการค้าทวิภาคีภายใต้กรอบทีพีพีเมื่อนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาที่กรุงโตเกียวในวันพฤหัสบดีนี้ แม้ทั้งสองประเทศได้พยายามอย่างยิ่งมาเป็นเวลานานเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ แต่ก็ยังมีความแตกต่างอยู่อีกมาก
+++ประเด็นใหญ่ที่ยังตกลงกันไม่ได้คือการลดอัตราภาษีสินค้าเกษตร 5 ประเภทในฝั่งญี่ปุ่น และการเปิดตลาดยานยนต์ในฝั่งสหรัฐ ญี่ปุ่นกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าเนื้อวัวสหรัฐจากร้อยละ 38.5 ในปัจจุบันเหลือร้อยละ 15 แต่สหรัฐต้องการให้ลดลงเหลือไม่เกินร้อยละ 10 ขณะเดียวกันสหรัฐต้องการคงภาษีนำเข้ายานยนต์ให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ 12 ชาติที่เข้าร่วมการเจรจาทีพีพีไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในการประชุมระดับรัฐมนตรีที่สิงคโปร์เมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ทั้งที่กำหนดเส้นตายเบื้องต้นว่าจะต้องบรรลุได้ภายในสิ้นปี 2556 ส่วนการประชุมล่าสุดที่สิงคโปร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ก็จบลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เช่นกัน
+++ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทต่างๆและข้อตกลงทางธุรกิจของภาคเวชภัณฑ์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดเมื่อคืนนตี้ ในแดนบวก ส่งผลทำให้ ดัชนีอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 65.02 จุด (0.40 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,514.27 จุด ส่วน ราคาน้ำมันสหรัฐฯวานนี้(22) ดิ่งแรง คาดสต๊อกเชื้อเพลิงภายในประเทศพุ่งสูง สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 2.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 102.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 109.27 บาร์เรล
+++แต่สำหรับตลาด ราคาทองคำวานนี้(22) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์ นักลงทุนเพิกเฉยต่อความตึงเครียดในยูเครน และให้ความสำคัญกับอุปสงค์ที่เบาบางลงในจีน รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ผลักให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ความเสี่ยงสูง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 7.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,281.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์
+++มือปืนอย่างน้อย 6 รายบุกเข้าไปยังสถานีของบริษัทเอกชน แล้วจุดไฟเผารถบัสไหม้จนไม่เหลือซาก 23 คันและได้รับความเสียหายยับเยินอีก 11 คันในเมืองโอซัสโก ห่างจากตัวเมืองรัฐเซาเปาลู ของบราซิล ไปราวๆ 25 กิโลเมตร ตำรวจสันนิษฐานว่าปฏิบัติการครั้งนี้อาจเป็นการลงมือแก้แค้น ต่อเหตุเสียชีวิตของพ่อค้ายาเสพติดคนหนึ่งเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์(21) เนื่องจากพื้นที่แถบนี้มีแย่งชิงตลาดค้ายาเสพติดกันอย่างดุเดือด
+++ ทางการศรีลังกาจะเนรเทศนางนาโอมี มิเชล โคลแมน นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษวัย 37 ปี ในอีก 2-3 วันนี้ หลังเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรวจพบรอยสักพระพุทธรูปที่แขนขวาของเธอ ระบุว่าเธอถูกจับกุมฐานสร้างความรู้สึกเจ็บปวดแก่ชาวพุทธในศรีลังกา ก่อนหน้านี้ นางโคลแมนถูกจับกุมเมื่อวันจันทร์ ขณะเดินทางไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติบันดาราไนยเกกรุงโคลัมโบ จากประเทศอินเดีย เมื่อตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจพบรอยสักที่แขนของเธอ ต่อมาศาลในกรุงโคลัมโบมีคำสั่งเนรเทศเธอ ขณะนี้เธอถูกขังอยู่ในเรือนจำของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง คาดว่าเธอจะถูกเนรเทศในอีก 2-3 วันนี้ สำหรับศรีลังกาเป็นประเทศที่มีความอ่อนไหวค่อนข้างมากเกี่ยวกับรูปภาพของพระพุทธเจ้า