* ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น.*
+++วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมพิจารณาว่า จะอนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ขยายเวลาชี้แจงคดีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติออกไป 15 วัน ตามคำขอจากทีมทนายความที่ยื่นคำร้องให้ศาลสืบพยานเพิ่ม 4 ปาก โดยหากศาลไม่อนุญาตก็จะยื่นเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม ทีมทนายนายกฯ จะส่งเอกสารคำชี้แจงที่เหลืออยู่ทั้งหมด โดยเฉพาะเอกสารจากศาลปกครองสูงสุด ส่งให้กับศาลรัฐธรรมนูญไปจนครบ
+++ส่วนกรณีที่นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานคนธ. ออกแถลงการณ์ว่าการวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาขัดต่อหลักนิติธรรมไม่เป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นพิจารณาวินิจฉัยที่ไม่มี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญนั้น กรณีดังกล่าวรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญเสนอร่างพ.ร.บ.ภายในเวลา 1 ปี ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ดำเนินการแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ปรากฎว่าเกิดการยุบสภาเสียก่อนทั้ง 2 ครั้ง เมื่อเกิดการยุบสภาร่างกฎหมายที่ค้างอยู่ในการพิจารณาของสภาจึงตกไป
+++ดังนั้นศาลรัฐธรรมนูญจึงได้ออกข้อกำหนดวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ ซึ่งถือว่าข้อกำหนดนี้มีศักดิ์ทางกฎหมายเทียบเท่าพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว และการออกข้อกำหนดก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่ได้เป็นการขัดต่อหลักนิติบัญญัติแต่อย่างใด ปัจจัยไม่ได้เกิดจากศาลรัฐธรรมนูญเพราะได้มีการดำเนินการแล้ว
++++ขณะที่ประเด็นการทูลเกล้าฯ เปิดประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า ยังคงไม่ได้ข้อยุติ โดยเฉพาะเรื่องของอำนาจในการเปิดประชุม เพราะในข้อกฎหมายยังไม่มีความชัดเจน ทางรัฐสภา และวุฒิสภา ต้องพูดคุยกันให้จบ ส่วนรัฐบาลพร้อมปฏิบัติตามที่มีอำนาจ ส่วนประเด็นที่ว่า ส.ว.ชุดไหน จะต้องทำหน้าที่ในการพิจารณา แต่งตั้งและถอดถอน เป็นปัญหาของทางวุฒิสภาเหมือนกัน ซึ่งมาตรา 111 กำหนดไว้ชัดเจน วุฒิสภา ต้องประกอบด้วย ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง และเลือกตั้ง ดังนั้น เมื่อมีเลือกตั้ง มันก็ต้องรอ
++++ส่วนเวลา 10.00 น. ทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังจะไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อป.ป.ช.ให้ทบทวนการสืบพยานที่เคยได้ยื่นก่อนหน้านี้แล้วถูกตัดทั้งหมด 7 ปากเพราะเห็นว่ายังจำเป็นต้องชี้แจงนโยบายระดับชาติ เพื่อให้รับทราบข้อมูลในฝ่ายปฏิบัติ นายพิชิต ชื่นบาน ทนายความนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรายังเหลือพยานอีก 7 ปาก คือพยานที่เราขออนุญาตตั้งแต่แรกจำนวน 5 ปาก และอีก 2 ปากสุดท้าย คือ นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ซึ่งนายกฯเห็นว่า มีความสำคัญที่จะไปหักล้างประเด็นของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่จัดทำรายงานดังกล่าวไม่สมบูรณ์ถูกต้อง
+++ส่วนการหารือ ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กับตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ 53 พรรค นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. ยอมรับต้อง ได้ประสานไปยัง สน.ทุ่งสองห้อง และทหารจำนวนหนึ่ง ให้มาช่วยรักษาความปลอดภัยบริเวณโรงแรมมิราเคิลแกรนด์ สถานที่จัดการประชุม เนื่องจากมีข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก รวมทั้งกกต.ได้รับรายงานว่า มีเสียงปืนเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยกเลิกที่จะเดินทางมาร่วมประชุมด้วยในช่วงบ่าย เนื่องจากได้รับทราบข่าวว่า จะมีกลุ่มเสื้อแดงเดินทางมาบุกป่วน และคุกคาม นายอภิสิทธิ์
+++โดยพรรคประชาธิปัตย์ยังได้ทำหนังสือถึงกกต.ชี้แจงสาเหตุการไม่ไปร่วมประชุมของ นายอภิสิทธิ์ ว่า อาจมีปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยและส่งผลกระทบต่อผู้แทนพรรคการเมืองอื่นๆ แต่พรรคพร้อม จะให้ความร่วมมือในกระบวนพิจารณาประเด็นการกำหนดวันเลือกตั้งต่อไป โดยมีหลักประกันว่า การจัดการเลือกตั้งจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเสรีสุจริตและเที่ยงธรรม
+++สำหรับ กกต.ได้เสนอแนวทางจัดการเลือกตั้ง 3 รูปแบบให้ที่ประชุมพิจารณา คือ 1.เลือกตั้งเร็วที่สุดภายใน 90 วันภายหลังจากการหารือในครั้งนี้ หรือเลือกตั้งในวันที่ 20 กรกฎาคม 2.เลือกตั้งภายใน 110 วัน นับจากการหารือ หรือเลือกตั้งภายในวันที่ 17 สิงหาคม และ 3.เลือกตั้งภายใน 138 วัน นับจากการหารือ หรือเลือกตั้งภายในวันที่ 14 กันยายน
+++นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายช่วยพิจารณาความขัดแย้งว่าเราไม่มีทางเลือกมาก ขอให้ยอมรับมติของประชาชนจากการเลือกตั้ง และยังไม่เห็นด้วยกับโมเดลของ กกต. เนื่องจากต้องการให้จัดเร็วกว่านั้น เพราะถ้าไม่รีบจัดการเลือกตั้ง บ้านเมืองจะไปสู่กลียุคแน่ เพราะอารมณ์ของประชาชนทุกวันนี้ใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล
+++นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. เปิดเผยภายหลังการหารือว่า รู้สึกพอใจกับผลที่ได้รับ โดยกกต.จะทั้งนี้ยังไม่มีการนัดหารือกับรัฐบาล เนื่องจาก กกต. ต้องหารือกันอีกครั้งก่อนว่าจะกำหนดกรอบเวลาการเลือกตั้งเป็นอย่างไร โดยกกต.จะต้องชี้แจงเหตุผลให้ได้ว่าทำไมจึงต้องเลือกช่วงเวลาดังกล่าว แต่ทั้งนี้อาจจะเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นกว่าที่เสนอโมเดลไว้ได้
+++ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. ให้สัมภาษณ์กรณีข่าวมีแนวคิดแจ้งจับ กกต. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งว่า ไม่ใช่แนวคิดของตน แต่มีการวิเคราะห์ของฝ่ายกฎหมาย ศอ.รส. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำไปปรึกษากฤษฎีกาว่า ถ้ากกต.มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แล้วไม่ดำเนินการจัดการเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุอันผลสมควรก็ควรดำเนินคดีกับ กกต. รตอ.เฉลิม ยังแย้มมาว่า ศอ.รส.จะมีแถลงการณ์ฉบับ 2 ออกมาเร็วๆ นี้ ศอ.รสทำงานเป็นขั้นตอน และต่อไปออกแถลงการณ์จะเป็นการประชุมเล็ก ไม่มีกองทัพมาเกี่ยว
+++นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เผยว่า ได้รับรายงานจากข้าราชการที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้ ศอ.รส.เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้ข้อมูลเกี่ยวกับการประชุมว่า ศอ.รส.ได้กลายเป็นศูนย์สังหารความสงบ ใช้อำนาจรัฐปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ชอบธรรม บิดเบือนกฎหมาย สนับสนุนการใช้ความรุนแรง ซึ่งประชาชนต้องทบทวนบทบาทเหล่านี้ว่าจะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ต่อไปหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยัง ผบ.เหล่าทัพและปลัดกระทรวงว่าจะยอมให้ ศอ.รส.อ้างอำนาจของข้าราชการไปเป็นเครื่องมือในการทำผิดหรือไม่ ทั้งนี้เห็นว่า ผบ.เหล่าทัพและปลัดกระทรวงต้องถอนตัวจาก ศอ.รส. ไม่เช่นนั้นจะยิ่งเกิดความขัดแย้งจนยากเยียวยา
++ส่วนท่าที น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ และรมว.กลาโหมกล่าวยืนยัน ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่อยากเห็นและอยากทำให้ประเทศชาติสงบ ทุกคนรักษากติกาและสร้างและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย ขณะที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย ส่งสัญญาณให้คนตระกูลชินวัตรวางมือทางการเมืองถ้ากระบวนการต่างๆเป็นไปด้วยความยุติธรรม ว่า ไม่ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนในพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีใครถาม ขณะเดียวกันนส.ยิ่งลักษณ์ยัง ระบุว่า ไม่ได้มีการขอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อถวายรายงานประจำเดือนและยืนยันว่า ระหว่างนี้จะไม่มีการเดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ
+++นพ.เหรียญทอง หนาแน่น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ นัดทหาร ตำรวจ นอกราชการตั้งแต่ชั้นประทวนถึงนายพลเข้าร่วมประชุม เพื่อตั้งกองกำลังทหารเก่าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเก็บขยะแผ่นดิน เวลา 13.00 น.ที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ถนนแจ้งวัฒนะ
+++ปิดท้ายที่ กรมอุตุนิยมวิทยาชี้สัปดาห์นี้อากาศจะร้อนอบอ้าวมากที่สุด เตือนประชาชนระวังโรคลมแดด ดื่มน้ำมากๆ ผ้าชุบน้ำเช็ดร่างกายคลายร้อน และไม่ควรอยู่กลางแดดนานเกินไป นายประวิทย์ แจ่มปัญญา ผอ.สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา ว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาก็คือ อุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงนี้จะขึ้นๆ ลงๆ อยู่ที่ประมาณ 39-40 องศาเซลเซียส ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงแล้วแต่ปัจจัยแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ 21-27 เม.ย.นี้ จะเป็นช่วงที่อากาศร้อนที่สุด โดยสิ่งที่ประชาชนต้องระวังเป็นพิเศษก็คือ โรคลมแดด ซึ่งเกิดจากการสัมผัสแสงแดดและอุณหภูมิจากแดดเป็นเวลานาน ส่งผลให้เลือดในร่างกายเข้มข้น วิธีแก้คือดื่มน้ำให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ และพยายามรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้เป็นปกติอยู่ตลอดเวลา
ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อยากฝากเตือนประชาชนให้ระวังโรคลมแดดในช่วงนี้เป็นพิเศษ โดยวิธีป้องกันตัวเองง่ายๆ ได้แก่ ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกาย ใช้ผ้าชุบน้ำชำระร่างกายเพื่อปรับอุณหภูมิ รวมถึงไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีแสงแดดเป็นเวลานาน