*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.

+++มีรายงานเพิ่มเติม กรณี องค์กรเก็บขยะแผ่นดินล่าสุด ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ค ว่า  ได้รับการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยจากกองทัพแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธป้องกันตนเองแล้วครับ  นอกจากนั้นในหน้าเพจ ไม่อนุญาตให้นำ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง , ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ฯลฯ มาโพสต์ในเพจองค์กรณ์เก็บขยะแผ่นดินครับ ส่วนในวันนี้ องค์กรฯ จะแจ้งความดำเนินคดี กับ นางสาวฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือ โรส ในข้อหาหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา ๑๑๒  วลา ๐๙.๓๐ กองการปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ชั้น ๔ อาคาร B ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

+++เศรษฐกิจติดล่มการเมือง  หลังจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจภาครัฐและเอกชนได้ประเมินผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เห็นว่ารัฐบาลใหม่ยังไม่สามารถตัดตั้งได้ในครึ่งปีแรก และผลจากการเมืองดังกล่าวได้ทำการปรับประมาณการจีดีพีในปีนี้ลง โดยคาดว่าจะขยายตัวระดับ 1.5-3.0% ขึ้นกับสมมติฐานของแต่ละหน่วยงาน

+++นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะทำงานเศรษฐกิจของรัฐบาลได้พิจารณาตัวเลขประมาณการผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของปี 2557 ลดการขยายตัวของเศรษฐกิจลงเหลือ 3- 4% สิ่งที่น่ากังวลก็คือความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ซึ่งเกิดจากการเลือกตั้งที่ล่าช้า ทำให้ไม่มีรัฐบาลและสภาฯที่จะมาทำหน้าที่อนุมัติงบประมาณปี 2558

+++ในวันจันทร์ที่ 28 เม.ย.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเรียกประชุมหน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้แก่กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับแนวทางการเปิดตลาดใหม่ การเร่งรัดและการเตรียมความพร้อมเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) หลังจากนั้นจะหารือแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับหน่วยงานอื่นๆต่อไป

+++การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557( ต.ค. 2556-ก.พ. 2557) รัฐบาลมีรายได้ 785,479 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 34,358 ลานบาท หรือ 4.2% ในขณะที่การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ 1,218,646 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 72,545 ล้านบาท หรือ 6.3%

+++ราคาข้าว ปรับตัวลดลง  นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวหลังประชุมคณะทำงานพิจารณาการซื้อขายข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟท)  ยอมรับว่าการที่เอกชนไทยไม่ชนะประมูลข้าวในตลาดฟิลิปปินส์จำนวน 8 แสนตัน ทำให้ราคาเฉลี่ยข้าวของไทย ลดลง โดยเฉพาะข้าวขาว ขณะที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 11-12 บาท ลดลง 30 สตางค์ แม้จะเป็นเรื่องกดดันการเปิดประมูลข้าวเอเฟทครั้งที่ 10 อีกจำนวน 2.2 แสนตัน ในวันนี้ ทำให้ผู้ที่สนใจยื่นเสนอซองประมูลข้าวในตลาดเอเฟทกดราคาเสนอซื้อได้  แต่คณะกรรมการจะต่อรองราคาให้ได้ในราคาที่ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าราคาที่ลดลงเป็นช่วงระยะหนึ่งเท่านั้น

นายอนันต์ ลิลา เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) กล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวนาปรังที่เกษตรกรขายได้ในปีนี้ พบว่าราคาลดลงทุกความชื้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเดือน เม.ย.นี้ ราคาที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นาข้าวนาปรังความชื้น 15% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 6,960 บาท และความชื้น 25% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่  5,830 บาท ลดลง 30-40% เนื่องจากข้าวที่คงเหลือในสต็อกมีจำนวนมาก ส่งผลราคาข้าวไม่มีเสถียรภาพ

+++ประชาชนหน้ามืดกกพ.คาดค่าเอฟทีงวดพ.ค.-ส.ค.ขยับขึ้น อีก 7-10 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าครัวเรือนปรับขึ้นสูงกว่า 3.82 บาท ต่อหน่วย  ในสัปดาห์นี้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) จะสรุปค่าเอฟทีอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากที่หารือกับหน่วยงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในวันที่ 21-22 เมษายน นี้ และจะประกาศให้ประชาชนได้รับทราบประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้ โดยคาดว่าค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดประจำเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 จะปรับขึ้นเกินกว่า 5 สตางค์ต่อหน่วย หรือประมาณ 7-10 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2557 ที่ค่าเอฟทีโดยรวมเดิมอยู่ที่ 59 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งจะมีผลให้ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเฉลี่ยงวดพฤษภาคม-สิงหาคม 2557 ต้องปรับสูงกว่า 3.82 บาทต่อหน่วย

+++ส่วนในวันนี้ เวลา 14.00 น. นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)แถลงผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ว่า จะมีมติให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2%เท่าเดิม หรือจะปรับลดลงอีก เพื่อดูแลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ณ ห้องจัดเลี้ยง ชั้น 2 อาคาร 7 ธปท.สำนักงานใหญ่บางขุนพรหม

+++ส่วนคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะมีการประชุม เพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์คนใหม่แทนนายจรัมพรโชติกเสถียร ที่จะครบวาระในสิ้นเดือน พ.ค. โดยคณะกรรมการสรรหาฯ เสนอรายชื่อให้พิจารณา3 คน ได้แก่ นายชนิตร ชาญชัยณรงค์นางเกศรา มัญชุศรี รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ หลังจากฟังวิสัยทัศน์มาแล้ว

+++ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่ น.ส.แพรวา (นามสมมติ) เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถยนต์ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 ขณะจำเลยอายุ 17 ปี ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสาร บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ กระทั่งคนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิต รวม 9 ราย ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว เห็นควรแก้โทษจากเดิมจำคุก 2 ปี โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมเป็นเวลา 48 ชั่วโมงนั้น ก็ให้เพิ่มระยะเวลาการรอลงอาญาเป็น 4 ปี พร้อมทั้งเพิ่มระยะเวลาบำเพ็ญประโยชน์เป็นปีละ 48 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 ปี และยังคงเงื่อนไขห้ามจำเลยขับขี่รถยนต์จนกว่าอายุ 25 ปีด้วย

พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ บิดาของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมที่ 4 เปิดเผยว่า เราญาติๆ ก็ทำใจได้แล้ว แต่แว่วๆ ว่าฝ่ายจำเลยอาจฎีกาสู้คดีถึงที่สุด ลักษณะเป็นการประวิงเวลาทำให้คดีนี้จบช้าที่สุด ซึ่งเรายังได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายกับจำเลยไว้ โดยศาลให้รอฟังผลคดีอาญาถึงที่สุด  โดยกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตยังได้ฟ้องคดีแพ่ง กรณีเรียกค่าเสียหาย 120 ล้านบาทกับฝ่ายจำเลยด้วย ซึ่งขณะนี้ศาลแพ่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว จนกว่าคดีในศาลเยาวชนฯ จะมีคำพิพากษาถึงที่สุด

+++รายงานตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าประชาชนจำนวนมากได้เดินทางไปกราบไหว้ นายวินัย ละอองสุวรรณ หรืออดีตพระยันตระ ที่บ้านบางบ่อ ใกล้วัดรัตนาราม ต.ปากพนัง ฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นคร ศรีธรรมราช จากตรวจสอบไปยังชาวบ้าน ได้รับการยืนยันว่าอดีตพระยันตระพร้อมสาวกจำนวนกว่า 10 คน ได้เดินทางมาที่บ้านเกิดตั้งแต่ช่วงเทศกาลสงกรานต์  ส่วนเรื่องการเข้าเมืองนั้นมีการพูดกันในวงในว่าเดินทางกลับเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากคดีความต่าง ๆ ผ่านมา 20 ปีเศษแล้ว คดีจึงหมดอายุความ ซึ่งในขณะนี้คาดว่าคณะของอดีตพระยันตระน่าจะพำนักอยู่ใน จ.สงขลา หรือ จ.ภูเก็ต ใน พ.ศ. 2537 นายวินัยได้ถูกฟ้องร้องหลายข้อหา และถูกตั้งอธิกรณ์ว่าล่วงละเมิดเมถุนธรรมปาราชิกาบัติ