‘โจ ไบเดน’ ขอเป็นประธานาธิบดีเพื่อชาวอเมริกันทุกคน
สุนทรพจน์ครั้งสำคัญในพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 นายโจ ไบเดน ที่จัดขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศหนาวเย็นแต่มีแดด ด้านหน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯฝั่งตะวันตก ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เมื่อเวลาเกือบเที่ยงคืนตามเวลาในประเทศไทย หรือประมาณเที่ยงตามเวลาท้องถิ่น โดยมีรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ร่วมอยู่ในพิธีด้วย เพราะนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เข้าร่วมพิธีสาบานตน
นายโจ ไบเดน พร้อมด้วยภริยา กล่าวคำสาบานตนต่อนายจอห์น โรเบิร์ต ประธานศาลฎีกา ขณะที่มือของเขาสัมผัสกับคัมภีร์ไบเบิลเล่มเก่าแก่ความหนา 5 นิ้ว ซึ่งเป็นมรดกตกทอดภายในครอบครัวของเขามาเป็นเวลากว่า 100 ปี นายไบเดน กล่าวคำสาบานตนโดยประกาศข้อความว่า จะสงวนรักษา พิทักษ์คุ้มครอง และปกป้องรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
หลังจากนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 46 ในวัย 78 ปี เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่มีอายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ กล่าวสุนทรพจน์ว่า เราได้เรียนรู้อีกครั้งว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งมีค่าและประชาธิปไตยเปราะบาง ในขณะนี้จะต้องธำรงประชาธิปไตย วันนี้เป็นวันของสหรัฐฯ วันของประชาธิปไตย วันของประวัติศาสตร์ ทำให้มีความหวัง การเริ่มต้นใหม่และการแก้ไข ซึ่งหมายถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ในสหรัฐฯ
นายไบเดน กล่าวว่า ในช่วงเวลาแห่งวิกฤตและความท้าทาย เป็นช่วงเวลาที่เราต้องร่วมมือกันเดินไปข้างหน้า เราต้องเจอกับช่วงเวลานี้ที่ประเทศมีความแตกแยก ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯจะเป็นประธานาธิบดีเพื่อชาวอเมริกันทุกคน
ผู้ลงสมัครคู่กับนายไบเดน นางกมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นบุตรสาวของผู้อพยพที่บิดาเป็นชาวจาไมกาและมารดาเป็นชาวอินเดีย เป็นบุคคลผิวดำคนแรก ผู้หญิงคนแรกและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรก ที่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลังจากเธอสาบานตัวต่อหน้าผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ นางซอนยา โซโตไมเออร์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายละตินคนแรกที่ขึ้นนั่งในตำแหน่งนี้
หลังพิธีสาบานตน นายไบเดน ได้ไปร่วมรับประทานอาหารกับสมาชิกสภาคองเกรสในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ หลังจากนั้นในช่วงบ่ายตามเวลาท้องถิ่น นายไบเดน เดินทางไปที่สุสานอาร์ลิงตันนอกกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อวางพวงมาลาที่สุสานทหารนิรนาม มีอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา, อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ร่วมพิธีด้วย จากสุสานอาร์ลิงตัน นายไบเดน เดินทางด้วยขบวนรถยนต์มาที่ทำเนียบขาวเพื่อเข้าสู่บ้านหลังใหม่ในทำเนียบขาว โดยมีกำลังทหารคอยรักษาความปลอดภัย
นายไบเดน เข้ารับหน้าที่ในจังหวะเวลาที่สหรัฐฯกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เป็นวิกฤตการณ์ถึง 4 ด้าน ได้แก่ โรคโควิด-19 ระบาดใหญ่, การทรุดตัวของเศรษฐกิจ, ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ และความไม่เท่าเทียมทางสีผิวเชื้อชาติ เขาให้สัญญาที่จะลงมือทำงานทันที รวมทั้งจะออกคำสั่งฝ่ายบริหารรวดเดียวหลายๆ ฉบับตั้งแต่วันแรกที่อยู่ในตำแหน่ง
หุ้นสหรัฐฯ-น้ำมันปิดบวก-ทองคำเพิ่มขึ้น ขานรับรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ
นักลงทุนขานรับประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ พร้อมทั้งมีความคาดหวังมากขึ้น หลังจากที่นายไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่ง หลังจากเมื่อสัปดาห์แล้ว นายไบเดน เปิดตัวข้อเสนอแพ็คเกจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเร่งรัดการจ่ายวัคซีนโควิด-19
ขณะเดียวกันนางเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรส ดำเนินการครั้งใหญ่เพื่อปกป้องเศรษฐกิจ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้
ความคาดหวังดังกล่าว ทำให้หุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันที่ 20 ม.ค.64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์
-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 257.86 จุด หรือร้อยละ 0.83 ปิดที่ 31,188.38 จุด
-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 52.94 จุด หรือร้อยละ 1.39 ปิดที่ 3,851.85 จุด
-แนสแดค เพิ่มขึ้น 260.07 จุด หรือร้อยละ 1.97 ปิดที่ 13,457.25 จุด
แนวโน้มของการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังเพิ่มเติม ช่วยดันราคาทองคำ ปิดบวกแรง แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์
-ราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนก.พ.64 เพิ่มขึ้น 26.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปิดที่ 1,866.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์
ส่วนราคาน้ำมัน ปิดบวกเช่นกัน คาดว่า รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะออกแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าเดิมเพื่อเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งจะช่วยเพิ่มอุปสงค์ทางพลังงาน
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนก.พ.64 เพิ่มขึ้น 26 เซ็นต์ ปิดที่ 53.24 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมี.ค.64 เพิ่มขึ้น 18 เซ็นต์ ปิดที่ 56.08 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
ลูกสาว โจ ไบเดน มุ่งมั่นทำงานช่วยสังคม
ลูกสาวคนเดียวของประธานาธิบดีคนที่ 46 แอชลีย์ ไบเดน ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่นายไบเดน พ่อชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และก่อนที่นายไบเดนกำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่ง ในหลายๆประเด็น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของพิธีสาบานตน ความโกลาหลที่เกิดขึ้นในวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่แล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกของเธอและครอบครัวที่มีต่อการละเลยประเพณีอันดีงามของทำเนียบขาวของนางเมลาเนีย ทรัมป์ อดีตสุภาพสตรีหมายเลข1
แอชลีย์ ไบเดน พูดถึงแผนในอนาคตของตัวเธอเองว่า จะไม่เป็นส่วนหนึ่งในทีมงานบริหารประเทศของนายไบเดน และจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อสังคมต่อไป โดยเฉพาะการเข้าไปช่วยทวงคืนความยุติธรรมแก่ผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบทางกฎหมาย รวมทั้ง ช่วยเหลือคนที่เป็นทุกข์จากสุขภาพจิต
สำหรับการส่งต่อตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการผ่านพิธีสาบานตน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศ ก็มีประเพณีส่งต่อด้วยเหมือนกัน ผ่าน ‘ที แอนด์ ทัวร์’ ซึ่งนางเมลาเนีย ทรัมป์ จะต้องเชิญนางจิล ไบเดน มาจิบน้ำชาและพาทัวร์ทำเนียบขาว ที่กำลังจะเป็นบ้านของประธานาธิบดีคนใหม่ไปอีก 4 ปี ก่อนที่เธอจะย้ายออกไป แต่อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ปฏิเสธการจัดพิธี “ที แอนด์ ทัวร์” ต้อนรับสตรีหมายเลขหนึ่งคนต่อไป
ผู้นำอินโดฯ สัญญาจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตจากเครื่องบินตก
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์บัญชาการที่สถานีขนถ่ายสินค้านานาชาติในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นที่รวบรวมเศษชิ้นส่วนของซากเครื่องบินและชิ้นส่วนอื่นๆ ที่นักประดาน้ำเก็บกู้ขึ้นมาได้จากพื้นทะเล เพื่อให้พนักงานสอบสวนใช้เป็นหลักฐานในการสอบสวนหาสาเหตุของเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 737-500 ของสายการบินศรีวิชัยแอร์ ประสบอุบัติเหตุตกในทะเลชวา หลังจากบินขึ้นมาได้ไม่นานจากสนามบินในกรุงจาการ์ตาเมื่อวันที่ 9 ม.ค.64 ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด 62 ราย โดยรับปากว่า ญาติผู้เสียชีวิตทุกคนจะได้รับเงินเยียวยา นอกจากนั้นเขายังได้เป็นพยานในการมอบเงินเยียวยาให้กับญาติผู้เสียชีวิต 3 ราย จากกองทุนเยียวยาผู้ประสบเหตุ
สายการบินศรีวิชัยแอร์ จะจ่ายเงินเยียวยาเป็นเงินประกันให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 1,250 ล้านรูเปียห์ (89,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 2.67 ล้านบาท) ตามเงื่อนไขในกฎหมายของอินโดนีเซีย ที่จะต้องจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงินสดภายใน 60 วัน นับตั้งแต่เกิดเหตุ นอกจากนั้นก็ยังมีเงินประกันจากบริษัทประกันของรัฐอีก คือ บริษัทยาสาราฮาร์จา คนละ 50 ล้านรูเปียห์ (3,560 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 106,800 บาท)
ส่วนการเก็บกู้ชิ้นส่วน ยังคงดำเนินต่อไป เพราะยังขาดหลักฐานสำคัญคือชิ้นส่วนความจำของเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน คาดว่า จะหลุดกระเด็นออกมาจากตัวเครื่อง ส่วนเครื่องบันทึกข้อมูลการบินพบสามวันหลังเกิดเหตุ
เครื่องบินโบอิ้งอายุการใช้งาน 26 ปี ไม่ได้บินมานานเกือบ 9 เดือนเมื่อปีที่แล้ว เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ผู้เสียชีวิต 2 ราย เหตุระเบิดรุนแรงในกรุงมาดริด สเปน คาดสาเหตุอาจมาจากแก๊สระเบิด
หน่วยฉุกเฉินในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย ส่วนอีก 1 คนบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้นแล้วยังมีบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 6 คน จากเหตุระเบิดภายในอาคารหลังหนึ่งในกรุงมาดริด นายโฮเซ่ หลุยส์ มาร์ติเนซ-อัลไมดา นายกเทศมนตรีกรุงมาดริด เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกำลังตำรวจและหน่วยกู้ภัยนับร้อยคน พร้อมทั้ง เปิดเผยว่า น่าจะเป็นแก๊สระเบิดในตัวอาคาร
อาคารที่เกิดเหตุอยู่ติดกับอาคารสถานสงเคราะห์คนชรา แต่โชคดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ
ภาพเผยแพร่แสดงให้เห็นว่า กำแพงของอาคารชั้นสี่หรือชั้นห้า พังถล่มลงมา เศษซากชิ้นส่วนตัวอาคารปลิวกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 9 คน และรถพยาบาล 11 คัน รีบเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ พร้อมกำลังตำรวจและกู้ภัยนับร้อย ซึ่งต้องปิดถนนโดยรอบที่เกิดเหตุห้ามรถและคนเข้าไปในพื้นที่
จากคำบอกเล่าของพยานคือนายลอเรนโซ โฟเมนโต พนักงานขายชาวอิตาเลียน วัย 43 ปี บอกว่า เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เขาทำงานอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงดังสนั่นอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน