*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.

24 เมษายน 2557, 08:16น.


+++อากาศร้อนต้องระมัดระวัง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์  ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือน อากาศร้อน ประชาชนบางกลุ่มอาจเจ็บป่วยจากอากาศร้อนจัดได้ที่น่าห่วงและมีอันตรายสูงคือโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก  ซึ่งเป็นภาวะวิกฤติที่ร่างกาย ไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกาย ซึ่งจากสถิติตั้งแต่ปี 2546-2556 พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวแล้ว 196 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในปี 2556 มีผู้เสียชีวิตสูงถึง  20 ราย ส่วนใหญ่เป็นชาย



+++สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคลมแดดได้สูงกว่าคนทั่วไป มี 6 กลุ่ม  คือ  1. ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดดเช่นออกกำลังกาย 2. เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุมีประมาณ 13 ล้านคนเนื่องจากร่างกายไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีเท่าคนหนุ่มสาว 3. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง มีประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งมีปัญหาการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเดิมอยู่แล้ว 4. คนอ้วน 5. ผู้ที่อดนอน โดยร่างกายของคนอ้วนและผู้ที่อดนอนจะตอบสนองต่อความร้อนที่ ได้รับช้ากว่าปกติ และ 6. ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ควรลดปริมาณการดื่ม เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ความดันโลหิตสูง จนหัวใจทำงานหนักขึ้นอาจช็อกได้



+++ นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า  เมื่อเวลา 14.26 น. วันที่ 23 เม.ย. มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) อยู่ที่ 26,942.1 เมกะวัตต์  สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 26,752 เมกะวัตต์ และเป็นการทำลายสถิติสูงสุดตั้งแต่มีการใช้ไฟฟ้ามา เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยอุณหภูมิสูงถึง 37.5 องศาเซลเซียส



+++รัฐบาลเตรียมปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% จากเดิม 7% หลังครบกำหนดการลดภาษีเดือนก.ย.นี้ ระบุหากกกต.ไม่อนุมัติ ขึ้นโดยอัตโนมัติ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแว็ต เป็น 10% จากปัจจุบันที่ได้มีการปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มตามพระราชกฤษฎีกา ให้เหลืออยู่ที่ 7% ซึ่งจะครบกำหนดสิ้นสุดการลดภาษีในช่วงเดือนก.ย. 2557อย่างไรก็ตามหากกกต.ไม่อนุมัติ รัฐบาลก็ต้องปรับขึ้นแว็ต เนื่องจากสิ้นสุดการลดภาษีแล้ว พร้อมยอมรับว่า การจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2557 มีแนวโน้มจะไม่เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2.275 ล้านล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ภาคเอกชนชะลอการใช้จ่ายและการลงทุน จากความกังวลต่อปัญหาทางการเมือง



+++นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นัด แถลงแนวทางปฎิรูปการเมือง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ที่บริสุทธิ์ ยุติธรรม ในวันนี้  พร้อมเรียกร้องให้ นำบทเรียนการเลือกตั้งในวันที่ 2ก.พ. และการเลือกส.ว.ที่มีคนจำนวนมากตัดสินใจไม่เป็นส่วนหนึ่งของการเลือกตั้ง ซึ่งไม่สามารถให้คำตอบของประเทศได้ ขณะเดียวกันประชาชนก็หวั่นใจว่าหากสภาพบ้านเมืองเป็นเช่นนี้แล้วเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ผลจะต่างอะไรจากอดีตที่เกิดปัญหาที่ผ่านมา



+++กกต. ประสานงานผ่าน นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี  เชิญนายกฯ และคณะ มาหารือเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งใหม่ ในวันพุธที่ 30 เม.ย.เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 9 สำนักงาน กกต.โดยเลขาฯ นายกฯ ก็ได้ตอบรับที่จะมาร่วมหารือในวันและเวลาดังกล่าว โดย กกต.จะนำข้อมูลที่เราหารือกับฝ่ายความมั่นคง เมื่อวันที่ 8 เม.ย. และนำข้อมูลจากการหารือกับพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ร่วมพิจารณากับรัฐบาลด้วย เชื่อว่า การหารือดังกล่าวจะได้ข้อยุติวันที่จะออก พ.ร.ฎ.แก้ไขเพิ่มเติมได้



+++คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขยายเวลา ตาม คำขอของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ขอขยายเวลาไปอีก 15 วัน  จากเดิมที่จะครบกำหนดวันที่ 18 เม.ย.ถึง 2 พ.ค.57 พร้อมมีคำสั่งให้นัดไต่สวนพยานบุคคลทั้งสองฝ่ายในวันที่ 6 พ.ค.



+++ส่วนกลุ่ม กปปส. ในวันนี้  จะเคลื่อนขบวนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่วนใน วันที่ 30 เม.ย. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส.  จะประกาศแนวทางให้ชัดเจน ขณะที่ พระพุทธอิสระ จะเดินทางไปทวงถามความคืบหน้าปิดเว๊ปหมิ่น กับ ก.ICT



+++นายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะเลขาธิการรัฐสภา กล่าวถึงปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกับนางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา แต่ก่อนหน้านี้ได้ทำความเห็นไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่าการเปิดประชุมวุฒิสภาเพื่อดำเนินการถอดถอนในขณะนี้ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากยังไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา ซึ่ง มาตรา 273 รัฐธรรมนูญ บัญญัติว่าในกรณีการถอดถอนบุคคลนอกสมัยประชุมสภาจะเป็นหน้าที่ของประธานวุฒิสภาที่ต้องทำเรื่องถึงประธานรัฐสภาเพื่อดำเนินการตราพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญ แต่เนื่องจากปัจจุบันไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภา ประกอบกับประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานรัฐสภา กำลังอยู่ในระหว่างยุติการการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่แทนประธานรัฐสภาได้ ซึ่งตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาก็ไม่สามารถทำหน้าที่ประธานวุฒิสภาเพื่อปฎิบัติหน้าที่รองประธานรัฐสภาได้เช่นกัน ดังนั้นกรณีนี้การถอดถอนจึงไม่สามารถดำเนินการได้จนกว่าจะมีผู้ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาหรือรองประธานรัฐสภา



+++นายยรรยง พวงราช  ปฏิบัติหน้าที่ รก.รมช.พาณิชย์ เดินทางมายื่นเอกสารการตรวจนับข้าวสต๊อกรัฐบาลในโครงการรับจำนำข้าวต่อคณะกรรมการป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบกรณีที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ออกมาระบุว่ามีข้าวหายจากสต๊อกในโครงการรับจำนำข้าว 2 ล้านตัน โดยมีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขา ธิการคณะกรรมการป.ป.ช. เป็นผู้รับหนังสือ ยืนยันว่า  ข้าวไม่ได้หาย ไปจากสต๊อกแต่ประการใด และถือเป็นประเด็นสำคัญกลัวว่า ป.ป.ช.จะยึดถือตัวเลขรายงาน รายงานการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีของน.ส.สุภา ปิยะจิตติ จึงต้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง  ด้าน รก.นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค ส่วนตัวว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าข้าวสารในสต๊อก ใน อคส.,อ.ต.ก.หายไป 977 ล้านตัน เพราะนั่นเป็นเพียงการคำนวณทางบัญชีแต่ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน



+++วันนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะชี้แจงตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของทั้ง 3 กรมจัดเก็บ คือกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร รวมทั้งแหล่งรายได้อื่นหลังจากนายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)



+++ด้านที่ประชุม กนง. มีมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 1 เห็นชอบให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2% โดย เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2557 มีแนวโน้มหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ จากอุปสงค์ในประเทศ การลงทุนภาคเอกชนและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนทางการเมือง การส่งออกสินค้า ค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ไม่สามารถชดเชยการหดตัวดังกล่าวได้ คาดว่า ศก.ยังคงขยายตัวได้อยู่ เพียงแต่จะต่ำกว่าประมาณการเดิมซึ่งเคยประเมินไว้ที่ 2.7%



+++อดีต พระยันตระ หรือนายวินัย ละอองสุวรรณ พร้อมญาติมาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช และจะเดินทางต่อ ไปที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจร่างกายและทำฟัน รวมถึงไปปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน  อดีตพระยันตระเปิดเผยว่า การกลับมาครั้งนี้เพื่อเยี่ยมพระครูสุธรรมาจารย์ หรือพ่อท่านเชื่อง เจ้าอาวาสวัดรัตนาราม บ้านบางบ่อ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เป็นพระอุปัชฌาจารย์ หลังทราบข่าวว่าอยู่ในวัยชราภาพมาก และจะเดินทางกลับสหรัฐฯในวันที่ 13 พ.ค. ขณะเดียวกันระบุว่า คดีความต่างๆสิ้นสุดลงแล้ว หลังบ้านเมืองสงบจะกลับมาอยู่ไทยเป็นการถาวร โดยจะพำนักศูนย์ปฏิบัติธรรม จ.กาญจนบุรี  พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. อดีตพระยันตระพร้อมคณะเดินทางด้วยรถตู้ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองสะเดา จ.สงขลา อดีตพระยันตระถือหนังสือเดินทางประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ชื่ออมโรภิกขุ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไม่พบว่าเป็นบุคคลต้องห้าม เอกสารถูกต้องจึงให้ ผ่านเข้าประเทศ

ข่าวทั้งหมด

X