Generations แบบนี้ เหมาะกับการตลาดแบบไหน?

      เมื่อเราอยู่ในยุคที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตมากขึ้น วิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละคนจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย ยิ่งในปัจจุบันคนแต่ละ Generation เริ่มแสดงพฤติกรรมหลายๆอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวเองให้เห็นชัดกันมากขึ้น

      สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือพฤติกรรมการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไป คนเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ รูปลักษณ์ ความสวยงาม ส่งผลให้ร้านค้าหลายรายต้องวางแผนการตลาดในรูปแบบใหม่ เจาะกลุ่มเป้าหมายของคนแต่ละ Generation ว่าเขาต้องการอะไร สิ่งไหนสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขามากที่สุด เพราะการตลาดแบบยุคเก่าไม่สามารถใช้ได้กับทุก Generation

Generation แบบนี้ ต้องใช้การตลาดแบบไหนถึงจะเข้าถึงพวกเขา?

Baby Boomer เกิดระหว่างปี 1946-1964

      ใครว่า Baby Boomer ไม่ติดโซเชียลต้องกลับไปคิดใหม่ เพราะคน Gen นี้ โซเชียลนี่แหละของชอบของพวกเขาเลย เนื่องจากอายุที่มากขึ้น เริ่มเกษียณจากงานประจำหันมาใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ความเหงาจึงเริ่มเข้ามาถาโถมโดยไม่รู้ตัว โซเชียลมีเดียจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ความเหงาของพวกเขาได้จางลงไป

      การช้อปปิ้งออนไลน์เป็นสิ่งที่ถูกใจเหล่า Baby Boomer เป็นอย่างมาก 90% ส่วนใหญ่มักซื้อของจากแอปออนไลน์โดยเฉพาะ Facebook และ Line ส่วนใหญ่มักเลือกซื้อของจากการดูภาพหรือคลิป VDO จริง มีรายละเอียดให้อ่านครบชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องทักถาม และสามารถเก็บเงินปลายทางได้ ยิ่งหากได้ใช้บริการกับพนักงานคนเดิมจะยิ่งเพิ่มความประทับใจเป็นพิเศษ

Gen X เกิดระหว่างปี 1965-1980

      Gen X ถือว่าเป็น Generation ที่อยู่ระหว่างตรงกลางของ Baby Boomer ที่เป็นรุ่นพ่อแม่ กับ Gen Z ที่เป็นลูกของตัวเอง ทำให้เหล่าคน Gen X นั้นมีความรับผิดชอบสูงมากที่สุดในบ้าน เนื่องจากพวกเขาเป็นเสมือนเสาหลักของครอบครัว การแบ่งทุกอย่างให้เป็นสัดส่วนและเพียงพอสำหรับทุกคน เหลือไว้เท่าที่จำเป็น นั้นเป็นสิ่งที่คน Gen X มักจัดการได้อย่างดี

      กุญแจสำคัญสำหรับการทำการตลาดของคน Gen X คือความเก่าที่ดูคลาสสิค อย่างกระแส Y2K ที่กลับมาในช่วงนี้ หรือการถ่ายภาพฟิล์ม เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นความคิดถึงวันวานที่คนกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก หากทำการตลาดที่หยิบนำความเก่ามาผสมผสานกับโลกยุคใหม่ได้อย่างลงตัว จะทำให้คน Gen X สนใจมากขึ้นอย่างแน่นอน

Millennial หรือ Gen Y เกิดในช่วงปี 1981-1995

      Work-Life Balance เป็นสิ่งที่คน Gen Y ให้ความสำคัญมากกว่า Gen อื่นๆ พวกเขาเริ่มมองหาสิ่งดีๆให้ตัวเอง หันมาออกกำลังกาย ทำกิจกรรมคลายเครียด เลือกกินอาหารเพื่อสุขภาพ เลือกใช้สินค้าบำรุงสุขภาพมากขึ้น เช่น อาหารเสริม วิตามิน

      เนื่องจากคน Gen Y เริ่มมีครอบครัวและมีลูกเป็น Gen Alpha ซะส่วนใหญ่ Consumer Insight Gen Y หรือ Millennial นั้นจึงสอดคล้องกับความต้องการของ Gen Alpha ด้วยเช่นกัน สินค้าที่จะตอบโจทย์พวกเขานั้นต้องเป็นแบรนด์ที่มีราคาย่อมเยาว์ จับต้องได้ มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดี เข้าใจง่ายและใส่ใจสิ่งแวดล้อม

Gen Z เกิดระหว่างปี 1996-2011

      ใบปริญญาไม่สำคัญเท่ากับการได้ลงมือทำจนประสบความสำเร็จ นี่คือสิ่งที่คน Gen Z หลายคนคิด และเลือกที่จะเมินการเรียนจบมหาวิทยาลัย ผันตัวเองเข้าสู่การทำงาน เริ่มออกนอกกรอบความคิดเดิมแต่ยังคงเรียนรู้แบบ Lifelong Learning เพราะความรู้ไม่ได้อยู่แค่ในตำรา ความรู้ไม่ได้หยุดแค่ใบปริญญา ตราบใดที่เรายังมีแรงเราก็สามารถเรียนรู้ได้ไปตลอดชีวิต

      คน Gen Z ไม่ชอบที่จะอยู่ในกรอบ พวกเขามักชอบออกท่องโลกตามที่ตัวเองต้องการ ใฝ่ฝันอยากเป็น Influencer หรือ Content Creator ชอบเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เก่งในการเรียนรู้ผ่านโซเชียลมีเดีย สะสมประสบการณ์ใหม่ๆ และนำประสบการณ์เหล่านั้นมาทำเงินไปพร้อมๆกัน หากเรียนรู้สิ่งไหนมาพวกเขาจะไม่รีรอ มักจะนำความรู้เหล่านั้นลองลงมือทำในแบบของตัวเองทันที แม้จะเกิดข้อผิดพลาดแต่อย่างน้อยก็ได้เริ่มต้นทำมัน

      คนส่วนใหญ่มักคิดว่าคน Gen Z ชอบอยู่ในโลกออนไลน์ แต่จริงๆแล้วคน Gen นี้ กลับชอบออกไปใช้ชีวิต พบเจอผู้คนภายนอกมากกว่า เฉลี่ย 90% ของ Gen Z มี Consumer Insight ในการเลือกซื้อของที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง สามารถดีไซน์ได้ตามชอบ ไม่เหมือนใคร กล้าที่เลือกซื้อสินค้าแบรนด์ใหม่ๆที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

Gen Alpha เกิดในช่วงปี 2010-2024

      นอกจากชื่อเรียก Gen Alpha เด็กยุคใหม่อย่าง Gen นี้ ยังมีอีกหนึ่งชื่อเรียกใหม่คือ Gen C ที่ย่อมาจาก Gen COVID เพราะไวรัส COVID-19 ส่งผลให้พวกเขาได้อยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวมากขึ้น พร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลและอินเทอร์เน็ตแบบเต็มตัว การเรียนรู้ของเด็ก Gen นี้จึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่ไม่จำกัดได้เกินเด็กวัยไหนๆด้วยความเพียบพร้อมด้านเทคโนโลยี ทักษะของ AI อุปกรณ์ Smart Home ต่างๆ

      Consumer Insight ในการเลือกซื้อของ Gen Alpha ต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม มีการรีวิวการใช้งานเพื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจน เข้าถึงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียได้แต่ต้องมีหน้าร้านเพื่อเพิ่มความมั่นใจและสามารถเลือกดูสิ่งของแบบจับต้องได้

      แม้ Gen นี้ยังไม่สามารถซื้อสินค้าได้ด้วยตัวเอง 100% แต่พ่อแม่ของเด็กกลุ่มนี้สามารถให้พวกเขาเลือกสินค้าแบบที่ตัวเองต้องการได้ เพราะฉะนั้นการตลาดของคน Gen นี้จะต้องมีกลยุทธ์การขายที่ตอบสนองความต้องการคน Gen Z และ Gen Y ด้วยเช่นกัน