!-- AdAsia Headcode -->
การนอนจัดว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนต้องใส่ใจให้มากที่สุด เพราะ 1 ในสาเหตุของปัญหาโรคภัยไข้เจ็บนั้นส่วนใหญ่มักมาจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด เปรียบเสมือนยารักษาและฟื้นฟูร่างกายและจิตใจที่เหนื่อยล้าในแต่ละวันให้กลับมาสดใส แข็งแรง
“ฝันร้าย” เป็นภาวะที่หลายคนไม่อยากพบเจอ เพราะนอกจากจะทำให้ค่ำคืนของการพักผ่อนที่ดีเต็มไปด้วยเรื่องราวร้ายๆแล้วยังส่งผลต่อช่วงเวลาที่ตื่นนอนขึ้นมาอีกด้วย ฝันร้ายมักก่ออารมณ์ด้านลบที่กระทบความรู้สึกและจิตใจของผู้ฝัน เนื้อหาส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่น่ากลัว บางคนอาจฝันถึงการสูญเสียหรือวิ่งหนีบางสิ่งบางอย่าง แม้เรื่องราวในความฝันที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความจริง แต่พอได้ลืมตาตื่นแล้วกลับเกิดความรู้สึกหวาดกลัว วิตกกังวล เศร้า เสียใจ จนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
สาเหตุของฝันร้าย
- มาจากความวิตกกังวลและความเครียด
- การสูญเสียบุคคลที่รักหรือพบเจอเหตุการณ์กระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง
- ผลข้างเคียงของยา เช่น ยานอนหลับ
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่มากเกินไป
- ความผิดปกติของการหายใจขณะหลับหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- การรับประทานอาหารที่ย่อยยากก่อนนอน เช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์
- ปัญหาด้านสุขภาพจิต เช่น ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และภาวะผิดปกติทางจิตใจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ร้ายแรง (PTSD) ซึ่งภาวะอย่างหลังมักจะฝันถึงเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เคยพบเจอมา เป็นภาพฉายซ้ำ ๆ บางครั้งอาจเห็นภาพแค่บางส่วน
แม้ว่าแต่ละคนต่างมีเรื่องราวความฝันที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามหากเราฝันร้ายติดต่อกันเป็นเวลาหลายคืน เพราะฝันร้ายสามารถบอกถึงปัญหาสุขภาพของเราได้ ลักษณะของฝันร้ายที่บอกถึงปัญหาสุขภาพหรือความผิดปกติของสภาพจิตใจ มีดังนี้
- เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในบางคนฝันติดต่อกันหลายคืน
- สะดุ้งตัวจากฝันร้ายกลางดึกอยู่เสมอ ทำให้รบกวนเวลานอนหลับ
- เกิดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล ทั้งช่วงเวลาที่กำลังนอนฝันหรือตื่นนอนขึ้นมาแล้ว
- ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่มีความสุขในการใช้ชีวิต ไม่มีสมาธิทำงาน ไม่กล้าเข้าสังคม
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดฝันร้าย
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอน เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลต น้ำอัดลม
เลี่ยงการเสพสื่อโซเชียลด้านลบหรือติดตามข่าวเครียด ๆ
ทำกิจกรรมผ่อนคลายก่อนนอน เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูหนัง
ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาทีในช่วงเย็น
รักษาอุณหภูมิห้องไม่ให้ร้อนหรือเย็นมากเกินไป
ทำห้องให้มืดสนิทจะช่วยให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น
กำหนดเวลาเข้านอนเวลาเดิมในทุกวันเพื่อให้ร่างกายได้จดจำเวลาเข้านอนและตื่นนอน
ที่มา : RAMA CHANNEL คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี