สปสช.ร่อนหนังสือด่วนที่สุดแจ้ง กทม.-เทศบาล-อบต. แนะใช้งบกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น จัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขผลกระทบจาก PM 2.5 รวมถึงสามารถใช้จัดซื้อหน้ากากอนามัยให้แก่กลุ่มเสี่ยงได้อีกด้วย
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมารุนแรงสร้างผลกระทบในหลายพื้นที่ช่วงต้นปีนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีความกังวลและห่วงใยต่อสุขภาพของประชาชน จึงได้มอบให้ สปสช. เร่งเชิญชวนให้หน่วยงาน องค์กร หรือกลุ่มประชาชน จัดทำโครงการการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อลงผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดขึ้น โดยให้ขอรับงบประมาณสนับสนุนผ่านกลไกที่เรียกว่า “กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นหรือพื้นที่” (กปท.) นั้น
ขณะนี้ สปสช. ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายกเทศมนตรี และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ผ่าน สปสช.เขต ทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุขและลดผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพ กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) และกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานคร สามารถสนับสนุนการแก้ปัญหาดังกล่าวได้ สปสช. จึงขอซักซ้อมความเข้าใจและขอความร่วมมือผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ให้มีการจัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขจาก PM 2.5 ซึ่งนอกจากการสำรวจกลุ่มเสี่ยง การอบรมให้ความรู้ การจัดทำหน้ากากอนามัยตามมตรฐานกรมอนามัยแล้ว กองทุน กปท. และกองทุนหลักประกันสุขภาพกรุงเทพมหานคร ยังสามารถใช้ในการจัดซื้อหน้ากากอนามัยป้องกัน PM 2.5 ให้แก่กลุ่มเสี่ยงได้อีกด้วย
ทั้งนี้ หาก กปท. ต่างๆ มีโครงการประเภทอื่นที่ยังไม่ได้ดำเนินการในช่วงเวลานี้ ขอให้พิจารณาปรับมาดำเนินการโครงการที่เกี่ยวกับ PM 2.5 แทน เพื่อให้ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาทันต่อสถานการณ์ และในพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถประสานข้อมูลผู้ที่มีความจำเป็นต้องได้รับหน้ากากอนามัยกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และขอตัวอย่างโครงการได้ที่ สปสช.เขต หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมใน Page Facebook กองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น-กปท.
นอกจากนี้แล้ว สปสช. ยังได้ส่งหนังสือด่วนที่สุด ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน โดยขอความร่วมมือให้กระทรวงมหาดไทย แจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาจาก PM 2.5 อีกทางหนึ่งด้วย