ทอท. ขอเปิดห้องสูบบุหรี่ในสนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมเข้า คผยช. พิจารณา 7 ก.พ. นี้ สวนทางนานาชาติ ที่เดินหน้าสนามบินปลอดบุหรี่ 100% เหตุส่งกลิ่นเหม็นฟุ้ง พร้อมเผยผลวิจัย 4 สนามบินนานาชาติไทย เคยมีห้องสูบ ปล่อย PM 2.5 ระดับอันตรายต่อสุขภาพ
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2568 รศ.ดร.เนาวรัตน์ เจริญค้า สถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับข้อมูลจากกรรมการคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ (คผยช.)ที่มีความกังวลเป็นอย่างมาก ว่า การประชุม คผยช.วันที่ 7 ก.พ. นี้ จะมีวาระพิจารณากรณี บ.ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เสนอขอให้พิจารณาอนุญาตให้มีการเปิดห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง เพราะกฎหมายกำหนดไม่ให้มีห้องสูบบุหรี่ ในสนามบินทุกแห่งในประเทศไทย ทั้งสนามบินภายในประเทศและสนามบินนานาชาติตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว หากจะมีการแก้กฎหมายให้มีห้องสูบบุหรี่ในสนามบินอีก จะไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ที่พยายามสร้างมาตรฐานเป็นสนามบินคุณภาพ ปลอดภัยสำหรับทุกคน หากปล่อยให้เรื่องนี้สามารถทำได้ จะยิ่งทำให้สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้รับการประเมินคุณภาพมาตรฐานหรือไม่ ยิ่งในมิติสุขภาพ เป็นที่ทราบดีว่าควันบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพไม่เฉพาะผู้สูบเท่านั้น แต่ยังสร้างผลกระทบกับคนที่ไม่สูบด้วย
“มีการวิจัยในสนามบินนานาชาติ 4 แห่งของไทย คือสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต เมื่อปี 2556 ได้วัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ได้เฉลี่ย 532.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินระดับสีม่วง และวัดได้ 50.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ที่ระยะ 1 เมตรจากห้องสูบบุหรี่ ขณะที่ในจีนซึ่งมีคนสูบบุหรี่จำนวนมาก แต่สนามบินใหญ่ 4 แห่ง คือ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ 2 แห่ง และเซินเจิ้น ไม่มีห้องสูบบุหรี่ในสนามบิน และข้อมูลจากมูลนิธิสิทธิของผู้ไม่สูบบุหรี่ สหรัฐอเมริกา พบว่า ในปี 2560 มีสนามบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด 23 แห่ง จาก 50 แห่งทั่วโลก เป็นสนามบินปลอดบุหรี่ 100% และมีแนวโน้มว่า สนามบินต่าง ๆ ประกาศไม่ให้มีห้องสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่ไทยกลับกำลังจะทำสวนทาง” รศ.ดร.เนาวรัตน์ กล่าว
รศ.ดร.เนาวรัตน์ กล่าวอีกว่า การมีมาตรการห้ามสูบบุหรี่บนเครื่องบิน และในอาคารผู้โดยสาร เริ่มจากพบรายงานว่าแอร์โฮสเตสที่ไม่สูบบุหรี่ป่วยเป็นมะเร็งปอดจากการได้รับควันบุหรี่มือสองในที่ทำงานบนเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา ทางการสหรัฐฯ จึงออกกฎห้ามสูบบุหรี่ในเที่ยวบินที่บินต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ในปี 2533 จากนั้นก็มีการประชุม Campaign for Smoke-free Sky ที่เมืองบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา เมื่อปี 2535 ในการประชุมบุหรี่และสุขภาพโลกครั้งที่ 8 โดยมีผู้แทนจากองค์กรการบินระหว่างประเทศ และผู้แทนด้านการบินพลเรือนจากประทศต่าง ๆ รวมถึงตนก็มีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมด้วย จากการหารือที่ประชุมตกลงให้เวลา 4 ปี คือภายในปี 2539กำหนดให้ห้ามสูบบุหรี่ในทุกเส้นทางบินทั่วโลก ไม่ว่าสั้นหรือยาว โดยสายการบินแอร์แคนาดาได้ออกกฎห้ามสูบบุหรี่ในเที่ยวบินที่บินไกลกว่า 2 ชั่วโมงเป็นประเทศแรก จากนั้นสายการบินต่าง ๆ ได้ทยอยออกประกาศห้ามสูบบุหรี่บนเที่ยวบินจนครบ 100% ก่อนปี 2539
“สถานการณ์ทั่วโลกสนามบินต่าง ๆ ยังทยอยออกประกาศพื้นห้ามสูบบุหรี่ต่อเนื่อง สำหรับไทย สายการบินไทยได้ห้ามสูบบุหรี่ในเที่ยวบินภายในประเทศและในเอเชีย จนได้รับเหรียญรางวัลวันไม่สูบบุหรี่โลก จากองค์การอนามัยโลก เมื่อปี 2535 ขณะนั้นยังมีห้องสูบบุหรี่ภายในอาคารสนามบิน ซึ่งได้ส่งกลิ่นเหม็นควันบุหรี่ออกมาบริเวณใกล้เคียง ต่อมา ปี 2553 ไทยได้ลงสัตยาบันในอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลกครบ 5 ปี และได้ปรับกฎหมายห้ามมีเขตสูบบุหรี่ หรือห้องสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะทั่วประเทศ ตามที่อนุสัญญาฯ กำหนด ยกเว้นสนามบินนานาชาติ ซึ่งต่อมา ปี 2561 ได้มีกฎหมายยกเลิกห้องสูบบุหรี่ภายในสนามบิน ทั้งภายในประเทศและนานาชาติ จึงขอให้คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ ได้พิจารณาด้วยการให้ความสำคัญกับสุขภาพของทุกคนที่ใช้สนามบิน โดยไม่ถอยหลังกลับไปอนุญาตให้มีห้องสูบบุหรี่อีก ซึ่งชื่อสนามบินของประเทศไทย ได้ปรากฏอยู่ในเอกสารนานาชาติแล้ว ว่าเป็นสนามบินที่ปลอดบุหรี่ 100%” รศ.ดร.เนาวรัตน์ กล่าว