1. เตรียมสภาพรถให้พร้อม
- ใบปัดน้ำฝน ให้ลองเปิดใช้งาน หากปัดแล้วยังเหลือคราบน้ำเกาะ ควรรีบเปลี่ยนทันที ราคาไม่กี่ร้อยบาท แต่สำคัญมากในช่วงฝนตก
- ยางรถยนต์ ควรตรวจสอบดอกยางให้คงเหลือไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิเมตร ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยรีดน้ำ เพื่อความปลอดภัย
- ตรวจระบบไฟ ไฟท้าย ไฟเบรค ไฟเลี้ยว ไฟฉุกเฉิน ไฟตัดหมอก ควรตรวจเช็คให้พร้อมใช้งานทั้งหมด
2. การใช้สัญญาณไฟขณะขับรถฝนตก
- เปิดไฟหน้ารถ หากทัศนะวิสัยเริ่มไม่ดี จะช่วยให้คุณและคันอื่นมองเห็นง่ายขึ้น
- ไฟตัดหมอกทั้งหน้าและหลัง ไม่ควรเปิดหากฝนไม่ตกหนักมาก เพราะจะรบกวนการขับขี่ของรถคันอื่น แต่ถ้าฝนตกหนักสามารถใช้ได้
- ไฟฉุกเฉิน เปิดในกรณีจอดรถหรือเบรคฉุกเฉินเท่านั้น ห้ามขับไปเปิดไปเด็ดขาด เพราะทำให้รถคันอื่นสับสนสัญญาณ เป็นอันตรายอย่างมาก
3. การขับรถขณะฝนตก
- เว้นระยะห่างคันหน้ามากกว่าปกติ หรือประมาณ 2-3 ช่วงรถ เพราะถนนและยางที่เปียกน้ำ ย่อมทำให้ระยะเบรคเพิ่มขึ้นกว่าปกติ
- หมั่นมองกระจกมองหลัง ข้อนี้สำคัญมาก เพราะจะทำให้คุณทราบระยะห่างจากคันหลัง มีผลกับระยะเบรคและความปลอดภัยอย่างมาก ซึ่งถ้าคันหลังขับจี้คุณจนเกินไป คุณสามารถเลือกที่จะหลบให้แซงไปก่อนเพื่อความปลอดภัยได้
- ใช้ความเร็วให้เหมาะสม ไม่เร็วแล้วไม่ช้าจนเกินไป เช่น 50 - 80 กม./ชม. หากทัศนะวิสัยไม่ดีหรือไม่มั่นใจให้จอดในจุดที่ปลอดภัย เช่น ปั๊มน้ำมัน ดีกว่าขับช้าและทำให้รถคันอื่นเสียจังหวะซึ่งอาจเป็นอันตรายกับตัวคุณ
- เลี่ยงการลุยแอ่งน้ำ โดยเฉพาะการลุยเฉพาะล้อฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เพราะจะทำให้รถเสียหลักได้ หากจำเป็นต้องลุยแอ่งน้ำ ควรชะลอความเร็ว จับพวงมาลัย 2 มือให้แน่น และประคองลงให้ครบทั้ง 4 ล้อ
- อย่าหักพวงมาลัยกะทันหัน เพราะทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย หากมีสิ่งกีดขวางด้านหน้าที่ตัดสินใจแล้วว่าหลบไม่พ้น ให้เหยียบเบรค จับพวงมาลัยให้มั่นคงและตั้งตรง ชนตรงกลางของรถ ดีกว่าชนแบบเฉลบด้วยความเร็ว เพราะจะทำให้รถพลิกตะแคง
- ใช้เบรคให้เหมาะสม การเบรคที่ดีจะทำให้ปลอดภัยทั้งตัวคุณและคันอื่น ซึ่งการแตะเบรคครั้งแรกสำคัญมาก ควรให้น้ำหนักที่เหมาะสม เป็นเหมือนชะลอระยะห่างจากคันหน้า และคันหลังก็จะแตะเบรคตาม แต่ถ้าคุณเหยียบเบรคแรงเกินความจำเป็นทั้งที่ข้างหน้าไม่มีอะไร ก็อาจจะทำให้คันหลังเสียจังหวะมาชนท้ายคุณได้เช่นกัน
- การเบรคฉุกเฉิน ปัจจุบันรถยนต์สมัยใหม่มีระบบเบรค ABS อยู่แล้ว หากต้องเบรคฉุกเฉิน ให้เหยียบแป้นเบรคแรงๆให้สุดได้เลย ระบบ ABS จะทำงาน แป้นเบรคจะมีอาการสะท้านเป็นจังหวะรู้สึกได้ ถือเป็นอาการปกติ และจะทำให้ล้อไม่ล็อก ควบคุมการทรงตัวของรถได้
4. หลังฝนตก
- ไม่ควรจอดรถในแอ่งน้ำ เพราะหลังขับรถมาใหม่ๆ ยางรถจะมีความร้อนสะสม การแช่น้ำอาจทำให้ยางรถคุณบวมได้ หากอายุยางเสื่อมอาจอันตรายถึงขั้นยางระเบิด
- ไม่ควรจอดรถตากแดด เพราะคราบน้ำถึงจะใสขนาดไหน ก็มีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่ อาจทำให้แห้งฝังแน่นที่สีรถง่ายขึ้น และขอบยางตามประตูหน้าต่างอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วย
- ล้างรถ จะล้างด้วยสายยางฉีดน้ำธรรมดาแล้วเช็ดให้แห้ง หรือเอาเข้าคาร์แคร์เคลือบแว๊กซ์ด้วยก็แล้วแต่ แต่ควรต้องล้างเอาสิ่งสกปรกออก มิเช่นนั้นจะยิ่งหมักหมมทำให้รถหมอง
By อภิสุข เวทยวิศิษฏ์
.png)
สามารถดาวน์โหลด JS100 Application ได้ทั้งระบบ IOS และ Andriod ฟรี!!