เรื่อง..."พระสุรเสียงในหลวงรัชกาลที่9 ผ่านสาย Z"
... หลายคนอาจเคยได้ยิน ได้ฟัง หรือพอรู้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงฟังสถานีวิทยุจส.100 จึงมักมีคนมาถามพวกเราจส.100 ว่าทำไม..? มีรับสั่งเรื่องอะไร..? และคนจส.100 ทำอย่างไร..?
...เรื่องเล่าเรื่องนี้อาจไม่ได้ตอบคำถามทุกข้อ...แต่ที่สำคัญที่สุดคือความตั้งใจที่อยากถ่ายทอดให้หลายคนมีโอกาสได้รู้ถึงพระราชหฤทัยรัก ห่วงใย ที่ทรงมีต่อคนไทย พระมหากรุณาธิคุณบางเรื่องที่หลายคนยังไม่เคยได้รู้...
คงจำภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระดำเนินบุกป่าฝ่าเข้าไปในพื้นที่ทุรกันดารทั่วประเทศเพื่อได้ทอดพระเนตร ได้ทรงพูดคุยกับราษฎรในพื้นที่โดยพระองค์เอง ทำให้เราพอจะทราบว่าทรงใช้วิธีการศึกษาข้อมูล ข้อเท็จจริงโดยตรงจากต้นตอของเรื่อง ดังนั้นการที่ทรงฟังสถานีวิทยุจส.100 นั้น. คิดในมุมมองของตนเอง ด้วยไม่อาจทราบความในพระทัยได้ว่าทรงฟังสถานีวิทยุจส.100 ด้วยเหตุผลใด ว่าอาจเป็นเพราะลักษณะการดำเนินงานของสถานีเป็นการที่สมาชิกผู้ฟังจส.100 ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียงโทรศัพท์เข้ามารายงานออกอากาศเหตุการณ์ต่างๆทำให้ทรงสามารถติดตามรับฟังปัญหาทุกข์สุขต่างๆของคนกรุงเทพฯและพื้นที่นั้นๆได้ด้วยพระองค์เอง
ต่อมาสถานีวิทยุจส.100 ได้จัดเตรียมให้พระองค์ทรงโทรศัพท์ติดต่อกับสถานีได้สะดวกโดยตรงผ่านสายโทรศัพท์สายพิเศษ ที่พวกเราเรียกว่าสาย Z และนั่นเองทำให้คนทำงานสถานีวิทยุจส.100 โชคดี ได้มีโอกาสรับรู้ถึงพระมหากรุณา ทรงห่วงใยติดตามดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างไม่ทรงเหน็ดเหนื่อย สถานีวิทยุจส.100 นั้นออกอากาศตลอด24 ชั่วโมง ก็ดูเหมือนว่าพระองค์ได้ทรงเคยโทรศัพท์มาในทุกช่วงเวลา..ไม่ว่าเช้ามืด สายบ่าย เย็น จนถึงยามวิกาลดึกดื่น ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลในช่วงเวลานั้น
พระเมตตาห่วงใยผ่านสาย Z ของจส.100 นั้นมากมายใหญ่หลวงหาที่สุดมิได้ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาใหญ่ๆ ปัญหาหลักคือ. ปัญหาน้ำท่วม การจราจร ปัญหาอุบัติภัย จนถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เรื่องปัญหาน้ำท่วม ทรงเป็นห่วงมาก มีรับสั่งให้สถานีวิทยุจส.100 ช่วยทำหน้าที่ ทรงใช้คำว่า"จราจรน้ำ" หมายถึงให้เจ้าหน้าที่สถานีฯไปศึกษาเรื่องแผนที่ลุ่มน้ำ. ว่าน้ำไหลจากไหนไปถึงไหน คอยดูดาวเทียมสภาพอากาศ เวลาขึ้นลงของน้ำทะเลเพื่อให้เข้าใจเวลาพูดจัดรายการ แล้วให้คอยสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ทำงานนำ้ท่วม คอยถามประชาชนให้เล่าออกอากาศ เพื่อที่พระองค์จะทรงติดตามดูว่าสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างไรแล้ว
ปัญหาเรื่องการจราจร. ขอยกตัวอย่าง ตอนนั้นสถานีวิทยุจส.100 ใช้เฮลิคอปเตอร์บินตรวจสภาพจราจรบนท้องถนน โปรดให้ถ่ายภาพทางอากาศสภาพการจราจรบนท้องถนนมาถวายให้ทอดพระเนตร. และเมื่อมีพระราชดำริให้จัดสร้างเส้นทางเพื่อแก้ปัญหาจราจร โปรดให้จส.100 ถ่ายภาพทางอากาศเพื่อทรงติดตามความคืบหน้าของการก่อสร้าง ดังเช่น ที่มีพระราชดำริให้แก้ปัญหาจราจรคับคั่งเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ฝั่งพระนคร ที่กลายมาเป็นถนนที่เรียกกันว่าถนนหยดน้ำ ทรงแก้ปัญหา"คอขวด"หลายจุด บนถนนราชดำเนิน โดยโปรดให้ขยายสะพานผ่านฟ้าลีลาศ สร้างสะพานคู่ขนานสะพานมัฆวานรังสรรค์ ลดขนาดฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยลงประมาณ 1 เมตรและปรับผิวการจราจรใหม่ เป็นต้น
ส่วนเรื่องปัญหาอุบัติเหตุใหญ่ๆหรือที่จะมีภัยต่อเนื่อง เช่นครั้งหนึ่งทรงโทรศัพท์มารับสั่งที่ได้ยินจส.100ออกอากาศเรื่องรถบรรทุกขนกำมะถันเกิดอุบัติเหตุคว่ำที่สมุทรปราการ ทรงเกรงว่ากำมะถันจะลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา ทรงเป็นห่วงเรื่องวิธีจัดการกับกำมะถัน ให้จส.100ติดตามรายงานอย่างต่อเนื่อง เข้าใจว่าได้มีรับสั่งต่อกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ให้รีบจัดการปัญหากำมะถันอย่างถูกต้องและรวดเร็ว
อีกเรื่องหนึ่งเช่นทรงติดตามรายงานการเกิดไฟไหม้พื้นที่กรุงเทพฯบ่อยครั้งและปัญหาเจ้าหน้าที่ขาดแคลนชุดผจญเพลิง ภายหลังสถานีวิทยุจส.100 จึงได้จัดซื้อชุดผจญเพลิงไปน้อมเกล้าฯถวายเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2537 เพื่อทรงนำไปพระราชทานแก่หน่วยงานนั้น
ทั้งหมดนี้คงเป็นเพียงส่วนหนึ่งให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในการทรงใช้การสื่อสาร ตลอดจนหน่วยงานสื่อสารต่างๆอย่างเช่น สถานีวิทยุจส.100 รวมทั้งอีกหลายหน่วยงาน เป็นเครื่องมือให้ทรงช่วยเหลือปัญหาทุกข์ร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด
สำหรับคนทำงานสถานีวิทยุจส.100 เราทำงานเป็นชุดๆเปลี่ยนผลัดกันตามช่วงเวลา ทุกคนจะต้องคอยฟังว่า"โทรศัพท์สาย Z" จะดังเมื่อไหร่. และที่รู้สึกเหมือนกันทุกคนคือ รู้สึกเหมือนพระองค์จะไม่เคยทรงหยุดพักเลย เพราะเมื่อไหร่ที่มีสมาชิกผู้ฟังจส.100 รายงานเหตุการณ์ร้ายแรงเข้ามา พวกเรารู้ทันทีว่าเดี๋ยวจะต้องได้ยิน"พระสุรเสียงผ่านสายZ"แน่
วันนี้พวกเราไม่ได้ยิน"พระสุรเสียงผ่านสาย Z " อีกแล้ว แต่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อคนกรุงเทพฯและพสกนิกรทั่วประเทศ ก็จะอยู่ในความทรงจำของพวกเราตราบนิรันดร์