คำถามจากหลาย ๆ คน จากเรื่องการออกกำลังที่ทุกคนต้องทำเวลานี้ คือความฮิตเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพ แต่พอสภาพอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวไปจนถึงจับไข้หนาวสั่น เหล่านักออกกำลังของเราไม่ว่าจะในร่มหรือกลางแจ้งอาจจะประสบปัญหานี้อยู่
พอดีอ่านพบรายงานเกี่ยวกับเรื่องเป็นไข้กับการออกกำลังอยู่อาจจะช่วยได้บ้าง คือตามปกติการออกกำลังกายก็ช่วยสร้างภูมิ ป้องกันเป็นไข้เป็นหวัดได้อยู่แล้ว อย่างการออกกำลังแบบแอโรบิกปานกลาง ที่เป็นกิจกรรมออกกำลังวันละ 30-45 นาที เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการวิ่ง ที่สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อทางเดินหายใจหรือไข้ที่มาพร้อมอากาศหนาวเย็นอื่น ๆ ได้ลงมากกว่าครึ่ง และยังมีผลการศึกษาบางชิ้นโดย ดร.บรูซ แบร์เร็ตต์ ศาสตราจารย์ด้านแพทย์ประจำบ้าน คณะแพทย์ศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน บอกว่าการออกกำลังอย่างหนัก อย่างวิ่งมาราธอน อาจจะกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในระยะสั้น ๆ ได้ โดยทั่ว ๆ ไปแล้วการออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีอย่างยิ่งในการป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วย ส่วนผู้เชี่ยวชาญอีกคนคือเดวิด นีแมน ศาสตราจารย์และผอ.ศูนย์วิจัยการแสดงออกของมนุษย์ของมหาวิทยาลัยอัปปาลาเชียนสเตท บอกว่า ระบบภูมิคุ้มกันต้องการการออกกำลังเพื่อให้มันทำงานให้ดียิ่งขึ้น ทุกครั้งที่ออกกำลังกายคุณก็ยิ่งเพิ่มการหมุนเวียนของเซลภูมิคุ้มกัน แต่พอคุณเป็นหวัดจับไข้เข้าครั้งหนึ่ง เรื่องเปลี่ยนกันทีเดียว ดร.นีแมนบอกว่าการออกกำลังกายคือสุดยอดของการป้องกัน แต่มันอาจจะทำให้บำบัดรักษายากหนักไปอีก
ภาพจาก vokka
ยังมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยบอลสเตทรายงานว่า การออกกำลังกายประเภทสายกลางไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับระยะเวลาหรือความหนักเบาของอาการไข้หวัด ถ้าคุณมีอาการตั้งแต่ลำคอขึ้นไป อย่าง เป็นไซนัส หรือหายใจไม่โล่งฟุดฟิด หรือเจ็บคอ การออกกำลังกายไม่ได้ทั้งช่วยและไม่ได้ทั้งทำให้เจ็บด้วย ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้ดูว่ามันจะไม่เป็นอันตรายถ้ายังคงออกกำลังต่อไป แต่ถ้าคุณเป็นหวัดหรือว่ามีอาการไข้แบบอื่นที่เกิดจากระบบติดเชื้อ การออกกำลังกายเป็นเรื่องไม่ดีแน่ ข้อมูลย้อนไปถึงช่วงเกิดโปลิโอระบาดยุค 1940 มีนักวิจัยบางคนให้ข้อสังเกตว่านักกีฬาที่เล่นเกมหนัก ๆ อย่างฟุตบอล มักจะมีอาการเปลี้ยแบบโปลิโอได้ง่าย และเป็นหนักขึ้น จากข้อสังเกตนี้นำไปสู่การศึกษาเรื่องวิธีที่ไวรัสตอบสนองต่อการออกกำลังกายทั้งของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและมนุษย์ ผลจากการศึกษาพบว่าคนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะตอบสนองต่อกิจกรรมทางร่างกายได้แย่มาก นักกีฬาหลายต่อหลายคนมีแนวความคิดว่า ถ้าคุณมีไข้ คุณควรจะต้องอะไรทำให้เหงื่อออก
“นั่นเป็นแนวคิดที่บ้าคลั่งที่สุด” ดร.นีแมนบอก
และมีผู้เชี่ยวชาญอีกคนย้ำคำเตือนนี้ของดร.นีแมน คือ แมเรียน ฟาฮ์ลแมน ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวย์นสเตท บอกว่า “จงอย่าออกกำลังไม่ว่าจะเป็นหวัดหรือเป็นไข้” เพราะว่าดร.ฟาฮ์ลแมนศึกษาเรื่อง การฝึกซ้อมของนักวิ่งแบบครอสคันทรี่มีผลต่อการทำหน้าที่ของภูมิคุ้มกันอย่างไร ปรากฏว่า เวลาคนเป็นหวัดหรือว่าเป็นไข้เพราะติดเชื้ออื่น ๆ ระบบภูมิคุ้มกันต้องทำงานหนักมากเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค การออกกำลังกายเป็นรูปแบบหนึ่งของความเครียดทางร่างกาย ซึ่งมันทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานหนักมากขึ้น และอาจมีผลกระทบรุนแรงมากขึ้น ในช่วงปี 1990 นักวิจัยในออสเตรเลียพบหลักฐานว่านักกีฬาบางคนที่ยังออกกำลังกายอยู่ในขณะที่ยังคงมีความทรมานจากอาการไข้หวัดใหญ่ทำให้มันพัฒนาไปสู่รูปแบบของอาการอ่อนเพลียเรื้อรังอยู่หลายปี ดร.นีแมนบอกว่า ยังมีข้อมูลหลายอย่างในอดีตที่ต้องอ่าน คือยังไม่รู้ชัดว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาเชื่อว่า เชื้อไวรัสแพร่กระจายไปทั่วร่างกายในแบบไม่ออกอาการและเข้าไปเกี่ยวพันกับระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดความเหนื่อยล้า
ภาพจาก express
การวิจัยจากปรากฏการณ์นี้ยังไม่ใช่ข้อสรุป ซึ่งเขาก็ยังคงศึกษาจากนักกีฬาอีกหลายสิบคนที่ยังมีอาการปวดเมื่อยเหนื่อยล้าที่ยืดเยื้อเพราะติดเชื้อไวรัส หรือแม้กระทั่งคนที่พ้นระยะติดเชื้อไปแล้ว แต่ยังมีอาการอ่อนล้าและเหนื่อยอ่อนอยู่ บางคนถึงขนาดไม่สามารถกลับมาอยู่ในระดับเดิมได้เป็นหลาย ๆ เดือนหรือเป็นปี ๆ กันเลย ตัวดร.นีแมนเองผ่านการวิ่งมาราธอนมา 58 ครั้งแล้ว เขารู้ดีว่ามันยากแค่ไหนที่จะหยุดการซ้อมวิ่งไปสัก 1 หรือ 2 อาทิตย์ เขายังบอกว่าการออกกำลังกายไม่ได้เป็นยาขมสำหรับหลาย ๆ คน ถ้าคุณเป็นไข้ ติดหวัด หรือเป็นอะไรที่ทำให้กล้ามเนื้อเจ็บปวดหรืออ่อนแรง นั่นคือเวลาที่ไม่ควรออกกำลังกายเลย ทีนี้เมื่อไข้คุณลดลงจนปกติ ให้พักต่ออีกเต็มอาทิตย์ก่อนจะกลับไปเริ่มฝึกออกกำลังใหม่ ให้เริ่มจากเดิน แล้วค่อยเพิ่มเป็นการออกกำลังระยะปานกลาง พอครบ 2 อาทิตย์หลังจากหายไข้แล้ว ถ้าคุณรู้สึกดีเหมือนเดิมเลยก็ให้กลับมาฝึกซ้อมตามปกติเหมือนเดิมได้เลย แต่ถ้ายังมีเจ็บกล้ามเนื้อ หรือรู้สึกว่ามันจะเปลี้ย ๆ ต้องให้อาการพวกนี้หายไปก่อนที่จะกลับมาออกกำลังอย่างหนักอีก คุณอาจจะรู้สึกว่าถ้าคุณออกกำลังต่อไปจะทำให้คุณฟื้นเร็วขึ้น นั่นมันผิด เหมือนกับคนแขนหัก หรือ ข้อเท้าแพลง ร่างกายที่อ่อนแอเพราะไข้หวัดก็ต้องการเวลาและการพักผ่อนอย่างเต็มที่เพื่อเยียวยาร่างกายให้มั่นคงก่อนจะต้องมาอดทนกับการออกกำลังร่างกายอย่างหนักต่อไป
ภาพจาก sepalika
ข้อมูลจาก www.time.com
ภาพปกจาก mensfitness.com