เฉี่ยวกระจกข้าง 'จยย. vs รถยนต์' ต่างคนต่างเหตุผล ..!?

           เมื่อผู้ใช้รถยนต์ประสบปัญหาขับหรือจอดติดไฟแดงบนถนน แล้วถูกรถจยย. ชนกระจกมองข้างจนพับ หรือหัก แตกเสียหาย และรถจยย. ก็ขับต่อไปเฉยๆ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรืออย่างมากก็ผงกหัวเป็นเชิงขอโทษ 1 ครั้ง แล้วขี่รถจากไป ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ได้ปล่อยความเสียหายไว้ให้กับเจ้าของรถต้องรับผิดชอบกันเอง ใครมีประกันภัยก็รอดไป แต่ถ้ารถยนต์ไม่ทำประกันภัยล่ะ ??



            หลังจาก JS100 เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ชาวเน็ตเกิดการแสดงความคิดเห็นแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งแตกต่างออกไป นั่นคือ กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ และกลุ่มผู้ใช้รถจยย. โดยกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าบ่อยครั้งที่ถูกรถจยย. ชนไม่ว่าจะกระจกมองข้าง ไฟเลี้ยว หรือไฟท้ายรถก็ไม่เคยได้รับคำขอโทษเลย หรือผงกหัวขอโทษแต่ก็ไม่ได้รับผิดชอบค่าเสียหายใดๆ เจ้าของรถยนต์ต้องเป็นฝ่ายจ่ายค่าซ่อม ค่าเสียหายให้ที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด

















           แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้ใช้รถจยย. ต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับกลุ่มแรก โดยมองว่าจริงๆ แล้วหากขับชนก็จะขอโทษก่อนทุกครั้ง แต่ก็น้อยความคิดเห็นที่จะออกมายอมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายและมองว่า ในขณะที่รถยนต์จอดติดไฟแดงมักจะไม่เว้นช่องไว้ให้จยย. บางคันจอดแล้วกระจกมองข้างเสมอกันกับค้นข้างๆ เกินไป หรือไม่ยอมจอดให้อยู่กลางเลน และบางครั้งก็จอดทับเส้นข้างใดข้างหนึ่งจนเกินไป ทำให้รถจยย.ขับชนกระจกมองข้าง หรือไฟท้ายได้

           ทั้งนี้ ตามพระบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ในมาตรา 35 รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถโดยสารประจำทางเป็นรถที่มีความเร็วช้า หรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้ นั่นหมายความว่า รถจยย. เป็นรถที่ต้องขับขี่ในเลนซ้าย แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้.. “ใครจะถูก หรือใครผิด ” กันดีล่ะ ??