กระทรวงสาธารณสุขชี้แนะ นักวิ่งมาราธอนอายุ 40-50 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพประจำปี ลดความเสี่ยงที่อาจอันตรายถึงชีวิต

21 สิงหาคม 2562, 16:44น.


            ปัจจุบันการวิ่งมาราธอนจัดเป็นกิจกรรมออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งหลายๆ หน่วยงานก็ได้มีการสนับสนุนจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อให้ผู้สนใจได้เข้าร่วมกันทุกเพศ ทุกวัย ไม่จำกัด และเพื่อให้กิจกรรมออกกำลังกายวิ่งมาราธอนเหมาะสม ปลอดภัย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกมาแนะนำนักวิ่งมาราธอนโดยเฉพาะเพศชายที่มีอายุ 40 ปี และเพศหญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพประจำปี พร้อมประเมินภาวะและโรคต่างๆ ที่อาจเป็นความเสี่ยงจนนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้



            สำหรับนักวิ่งมาราธอนที่ต้องวิ่งในระยะทางไกลอย่างต่อเนื่องทั้งชายและหญิงที่มีอายุ 40- 50 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีอยู่เสมอ ซึ่งจริงๆ แล้วในการวิ่งมาราธอนไม่ว่าจะด้วยระยะทางใดก็ตามต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ นั่นคือ



            - ต้องฝึกซ้อมอย่างเป็นระบบ และต่อเนื่องเรื่อยๆ เพื่อร่างกายได้มีการปรับตัวให้พร้อมต่อการวิ่งที่ต้องใช้ร่างกายในทุกๆ ส่วนเป็นเวลานาน



            - ประเมินสภาพร่างกาย และโรคต่างๆ รวมไปถึงโรคประจำตัว อย่าง โรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ฯลฯ ที่อาจกำเริบขณะวิ่งจนนำไปสู่การเสียชีวิต



            - ก่อนลงวิ่งต้องอบอุ่นร่างกายให้พร้อม ทั้งระบบกล้ามเนื้อ ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก เจ็บกล้ามเนื้อ รวมถึงหมดสติ และหัวใจหยุดเต้นขณะวิ่งได้



            - ควรเลือกทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตให้มากขึ้นกว่าเดิมก่อนวิ่ง 1 วัน เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอ และในเช้าวันวิ่งก็ควรรองท้องด้วยอาหารเบาๆ อย่าง นม กล้วย โยเกิร์ต ฯลฯ



           ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา รวมทั้งเตรียมอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวก แว่นตากันแดด ครีมกันแดด ฯลฯ ไปด้วย



            มาตรฐานการวิ่งมาราธอนประเภทถนนโดยสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ จะเน้นไปที่การออกแบบการแข่ง ไม่ว่าจะเป็นการวางเส้น ความปลอดภัย การจัดน้ำดื่มและอาหาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกกับผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ซึ่งประเทศไทยได้มีการนำมาตรฐานดังกล่าวมาต่อยอด โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่ง เพื่อสุขภาพไทย สสส. และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 และปรับปรุงในปี พ.ศ. 2562



           โดยมาตรฐานการวิ่งมาราธอนของประเทศไทยที่ได้นำมาต่อยอดแล้ว มีดังนี้



            จัดให้การแข่งขันวิ่งมาราธอนทุกประเภทต้องมีหน่วยแพทย์ รถพยาบาล ประจำตลอดการแข่งขัน



           จุดปฐมพยาบาล จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ จุดปฐมพยาบาลหลัก และจุดปฐมพยาบาลรอง



           โดยจุดปฐมพยาบาลหลัก เป็นจุดให้บริการขนาดใหญ่ มีเครื่องมือ และบุคลากรการแพทย์ที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ



           ส่วนจุดบริการปฐมพยาบาลระดับรองลงไป จะคอยปฐมพยาบาล ช่วยให้นักวิ่งคลายอาการบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น อาการพอง เสียดสี ฯลฯ รวมถึงเพื่อขนย้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักไปยังสถานที่ซึ่งมีอุปกรณ์รองรับที่เหมาะสมต่อไป



           ตลอดระยะทางวิ่งจะต้องมีจุดให้น้ำ และจุดปฐมพยาบาลระดับรองลงไปทุก 5 กิโลเมตร โดยจุดปฐมพยาบาลต้องตั้งอยู่ในระยะประมาณ 100 เมตร หลังจากจุดให้น้ำ



ข้อมูล : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

รูปภาพ : FB Page ThaiRun
ฮับความสุขนักวิ่ง



 

X