ตามที่นโยบายของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับคดีเมาแล้วขับ โดยปีนี้เน้นการเอาผิดร้านค้าที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี ตามพรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ รวมถึงความผิดฐานการยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม ตามพรบ.คุ้มครองเด็กฯ โดยเฉพาะในช่วง 7 วันอันตราย
ทางด้าน พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมดำเนินคดีได้ตั้งแต่วันแรก โดยวันที่ 27 ธ.ค.62 มีเด็กและเยาวชนถูกจับกุมคดีเมาแล้วขับ 11 คดี ดำเนินการเอาผิดตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และ พรบ.คุ้มครองเด็กฯ ได้แล้ว 4 คดี ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ อาทิ คดีแรกที่ จ.อุดรดิตถ์ ผู้ต้องหาอายุ 18 ปี เมาสุราแล้วขี่จยย.ล้มเอง โรงพยาบาลตรวจพบแอลกอฮอล์ 192 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สืบพบว่า มีร้านค้าขายสุราให้ จึงเปรียบเทียบปรับร้านค้าไป 6,000 บาท , คดีที่สอง จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาอายุ 17 ปี ขี่จักรยานยนต์ถูกตรวจที่ด่าร พบแอลกอฮอล์ 114 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ดำเนินคดีกับญาติ ตาม พรบ.คุ้มครองเด็กฯ , คดีที่สาม จ.แพร่ ผู้ต้องหา อายุไม่เกิน 20 ปี เมาแล้วขับประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ ดำเนินคดีกับแม่ ตามพรบ.คุ้มครองเด็กฯ ที่ปล่อยลูกไปดื่ม ไม่ห้ามปราม ,ส่วนผลการจับกุมวันที่ 28 ธ.ค.62 มีที่ จ.น่าน เป็นผู้หญิงเมา สืบพบว่าแฟนซึ่งมีอายุเกินแล้ว และพี่ชายด้วย ก็รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามพรบ.คุ้มครองเด็กฯ ต่อไป
" การบังคับใช้กฎหมายตาม พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ และ พรบ.คุ้มครองเด็กฯ ก็เพื่อให้ ประชาชน ร้านค้า ผู้ปกครอง มีส่วนร่วมในการลดอุบัติเหตุทางท้องถนน ซึ่งข้อกฎหมายดังกล่าวมีบังคับใช้มานานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการเก็บสถิติ ฝากถึงประชาชนเมาแล้วขับมีอันตรายถึงชีวิต" พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าว
ภาพจาก กระทรวงสาธารณสุข , สำนักงานตำรวจแห่งชาติ