“ผักตระกูลกะหล่ำ” มีสารไอโซไธโอไซยาเนต ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

            ทุกวันที่ 4 ก.พ.ของทุกปี เป็น “วันมะเร็งโลก” โรคนี้ถือเป็นโรคร้ายแรงที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสร้างความกังวลใจให้กับผู้ป่วยอย่างมาก มีข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ ระบุถึงอุบัติการณ์การเกิดโรคมะเร็งในประเทศไทยพบว่าถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 93 ของโลก เป็นผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 122,757 รายต่อปี แบ่งออกเป็นเพศชาย 59,662 รายต่อปี และเพศหญิง 63,095 รายต่อปี แต่ถึงกระนั้นถ้าเป็นไปได้ก็คงไม่มีใครอยากเจ็บป่วยด้วยโรคนี้ การป้องกันตัวเองจึงถือเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด และเนื่องในวันมะเร็งโลก สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลได้ออกมาแนะนำมีวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็งง่ายๆ ด้วยการกินผักตระกูลกะหล่ำ วิธีดีๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

             ผักตระกูลกะหล่ำกับการป้องกันมะเร็ง

            สำหรับผักตระกูลกะหล่ำนั้น ได้แก่ บร็อกโคลี กะหล่ำ กะหล่ำดอก ผักสลัดน้ำ ผักกาด กวางตุ้งฮ่องเต้ ซึ่งนอกจากจะให้วิตามิน แร่ธาตุ และใยอาหารแล้ว ยังมีสารสำคัญ อย่าง กลุ่มไอโซไธโอไซยาเนต (Isothiocyanate) ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งทั้งระดับปฐมภูมิและทุติยภูมิ (ป้องกันการก่อมะเร็ง) และตติยภูมิ (ป้องกันการลุกลามของมะเร็ง) อีกด้วย แต่ทั้งนี้ ให้ระวังในผู้ที่แพ้ผักตระกูลกะหล่ำ รวมถึงผู้มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำก็ควรหลีกเลี่ยงการทานผักตระกูลกะหล่ำดิบเช่นกันเพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้

             การป้องกันมะเร็งในผักตระกูลกะหล่ำ

            ระดับปฐมภูมิ และทุติยภูมิ

            - ลดความเป็นพิษของสารก่อมะเร็ง และลดความเสี่ยงต่อมะเร็งปอดในคนสูบบุหรี่

            - ลดจำนวนและขนาดก้อนมะเร็งในหนูทดลองที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดมะเร็งเต้านม หลอดอาหารและลำไส้ใหญ่

            ระดับตติยภูมิ

            - กำจัดเซลล์มะเร็งและยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งในสัตว์ทดลอง

            - ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ต้นกำเนิดมะเร็ง

            คำแนะนำในการบริโภค

            ข้อมูลทางระบาดวิทยา พบว่า การทานผักตระกูลกะหล่ำ 5 ส่วน (5 ทัพพี) ต่อสัปดาห์ จะสามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ โดยวิธีการประกอบอาหารที่คงสารไอโซไธโอไซยาเนต (Isothiocyanate) ที่มีในผักตระกูลกะหล่ำไว้ คือ การประกอบอาหารประเภทนึ่ง ผัด และไมโครเวฟเท่านั้น วิธีต้มควรหลีกเลี่ยงเพราะจะทำให้สูญเสียสารสำคัญไปมาก

ข้อมูล : สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล