เมื่อพูดถึง “โรคเกาต์” ความเจ็บปวดตามข้อเชื่อหลาย ๆ คนคงจะคิดว่าการรักษาด้วยยาคงเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยรักษาได้ ซึ่งจริงๆ แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าเรายังรักษาอาการให้หายง่ายๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการกินอาหาร/เครื่องดื่มเท่านั้นเอง ว่าแต่จะเริ่มต้นปฎิบัติอย่างไรนั้น กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอกได้ออกมาแนะนำแบบหมดเปลือก เพื่อสร้างความเข้าใจและสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม
ทำความเข้าใจ “โรคเกาต์” เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน/เครื่องดื่มนั้นเรามาทำความรู้จักกันโรคเกาต์กันสักเล็กน้อย โดยโรคเกาต์เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่ง มีผลมาจากการที่ร่างกายมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการตกผลึกของเกลือยูเรตบริเวณข้อและเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย โดยผลึกที่ว่ามีผลกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการอักเสบตามมา โดยส่วนมากโรคเกาต์มักจะพบได้มากในเพศชายอายุ 30 ปีขึ้นไป ส่วนเพศหญิงจะพบมากในช่วงวัยหลังหมดประจำเดือน
แล้วลักษณะอาการของโรคเกาต์ล่ะ?
อาการของโรคเกาต์เกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ คือ ข้ออักเสบ ซึ่งมักจะมีอาการแบบเฉียบพลัน เริ่มแรกมักเป็นข้อเดียว โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดที่โคนข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือข้อเข่า ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการปวด บวมแดง ร้อน เจ็บเมื่อกด และอาจมีไข้ร่วมด้วย บางคนพบก้อนโทฟัส ซึ่งเกิดจากการสะสมของผลึกเกลือยูเรตในเนื้อเยื่ออ่อน ข้อต่อ กระดูก และกระดูกอ่อน มักพบบริเวณศอก ตาตุ่ม นิ้วมือ นิ้วเท้า ส่วนนิ่วในทางเดินปัสสาวะ พบประมาณร้อยละ 10-25 ของผู้ป่วยโรคเกาต์
วิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อรักษาโรคเกาต์
การรักษาด้วยวิธีไม่ใช้ยาสามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเกี่ยวกับการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงการดูแลโรคและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเกาต์ ได้แก่
- ขณะมีอาการข้ออักเสบกำเริบควรเลือกกินโปรตีนจาก ไข่ เต้าหู้ นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ
- ลดการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงอาหารที่มีพิวรีนสูง เช่น เครื่องในสัตว์, ไข่ปลา, ยอดผักต่างๆ
- ลดการรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัด น้ำผลไม้และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาลฟรุกโตส เช่น ชาเขียว
- งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ควรดื่มน้ำ อย่างน้อย 8 แก้ว ต่อวัน
นอกจากนี้ หากใครรับประทานอาหารชนิดใดแล้วมีอาการข้ออักเสบให้หลีกเลี่ยงอาหารชนิดนั้นๆ ทันที
อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคเกาต์ควรใช้การรักษาด้วยวิธีไม่ใช้ยาและใช้ยาร่วมกัน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ซึ่งเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ คนจะปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ช่วยลดอาการข้ออักเสบต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกาต์
ข้อมูล : กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคทรวงอก