!-- AdAsia Headcode -->
จากกรณีที่มีการแชร์กันมาว่าในเม็ดไข่มุกบางยี่ห้อจากไต้หวันนั้นมีสารสไตรีน (Styrene), อะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารอื่นที่จัดอยู่กับธาตุโบรมีน ซึ่งน่าจะเป็นสารประกอบกลุ่มโพลีคลอรีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polychlorinated Biphenyls ;PCBs) ที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ จึงอาจทำให้หลายคนเกิดความกังวล สงสัยว่าจริงหรือที่เม็ดไข่มุกจะทำให้เป็นมะเร็ง? สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงได้ออกมาอธิบายเกี่ยวกับความเสี่ยงเป็นมะเร็งกรณีกินเม็ดไข่มุก เพื่อสร้างความเข้าใจ
กินเม็ดชานมไข่มุก เสี่ยงเป็นมะเร็งจริงหรือ?
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเม็ดไข่มุกทำมาจากแป้งมันสำปะหลัง การกินเม็ดชานมไข่มุกก็เหมือนการกินแป้ง ซึ่งหลังจากมีการแชร์ข้อมูลที่ว่า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไต้หวันไม่นิ่งนอนใจได้มทำการตรวจสอบทันที ผลออกมาไม่พบว่ามีสารสไตรีน (Styrene) อยู่ แต่พบสารอะซิโตฟีโนน (Acetophenone) และสารประกอบกลุ่มโพลีโบรมีนเนตเต็ดไบฟีนีล (Polybrominated Biphenyl;PBBs) ซึ่งมีปริมาณน้อยมากจึงไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งได้ นั่นแสดงว่ายังสามารถกินเม็ดชานมไข่มุกได้ตามปกติ
ชานมไข่มุกกินมากเกินไปทำให้เกิดโรค
แม้ว่าจะไม่ทำให้ก่อสารมะเร็งแต่ทว่าการกินชานมไข่มุกในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจได้ เพราะนอกจากในเม็ดไข่มุกจะประกอบไปด้วยแป้งมันสำปะหลังแล้วนั้น ในน้ำชานมยังประกอบไปด้วยน้ำตาล น้ำเชื่อม ครีมเทียม นมข้นหวาน อีกด้วย ชานมไข่มุกจึงเป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรี่สูง และมีคุณค่าทางสารอาหารน้อย ทางที่ดีควรกินชานมไข่มุกนาน ๆ ครั้งเท่านั้น หรือหากต้องการกินอาจลดปริมาณน้ำตาล หลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียมในชานมไข่มุก
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทุก ๆ คนจะคลายความกังวลและเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเม็ดไข่มุกไม่ได้ก่อให้เกิดสารมะเร็งแต่อย่างใด ทั้งยังควรบริโภคแต่พอดี ร่วมกับการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วย เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ข้อมูล : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา