ทำความรู้จักกับขนมลา ขนมพื้นบ้านทางภาคใต้ของประเทศไทย

22 กันยายน 2563, 15:57น.


เพื่อนส่งพัสดุกล่องใหญ่และหนักมากกกกมาให้แอดค่ะ มาไกลจากนครศรีธรรมราชโน้นนนนนนนนน

พอเปิดออกดู โอ๊ะโอ๋ ขนมที่มาในช่วงสารทเดือน10 ขนมลา นั้นเอง



#ทำไม จึงเรียก ขนมลา

.



.



.

แอดไปค้นหามาให้ค่ะ ขอบคุณข้อมูลจากเวบไซต์หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้านมากๆค่ะ 

 
“ขนมลา” น่าจะมาจากกะลา (กะลามะพร้าว) เพราะสมัยก่อนยังไม่มีกระป๋องใส่แป้งในการทอดลาใช้กะลา คนใต้เรียก “พรก” นำมาเจาะรูเล็กๆ หลายรู เมื่อตักแป้งใส่แล้วจึงแกว่งส่าย (คนใต้เรียก “ทอดลา”) แกว่งเป็นวงกลมไปตามรูปกระทะ แป้งที่ดีเส้นต้องไม่ขาด และเส้นต้องเล็กเท่ากับเส้นด้าย สีแป้งสะท้อนแวววาวเป็นประกาย ถ้าเส้นแป้งใหญ่จะเป็นปัญหาด้านความเชื่อที่ว่า “เปรตจะกินขนมลาไม่ได้” ตามความเชื่อที่ว่าคนที่ตายไปแล้วบางคนจะตกนรกกลายไปเป็นเปรต รูปร่างผอม สูงใหญ่ ตาโปน มีปากเท่ากับรูเข็ม ดังนั้นเส้นของขนมลาจะต้องเล็ก เหนียวนุ่มเป็นประกาย ไม่ขาดสายเหมือนกับเส้นไหมสามารถสอดรูเข็มได้




 อีกความน่าจะเป็นถึงที่มาของชื่อ มาจากวิธีการทำค่ะ เล่ากันว่าน่าจะมาจากการเช็ดกระทะด้วยน้ำมัน ชาวใต้เรียกว่า “ลามัน” คือการทาเช็ดกระทะ เพราะทุกครั้งที่โรยแป้งลงกระทะจะต้องทาน้ำมันผสมไข่แดง เพื่อไม่ให้แป้งติดกระทะ การโรยแป้งลงในกระทะจะต้องมีการ “ลามัน” ทุกครั้ง ถ้าเป็นลาแผ่น ลามัน 1 ครั้ง จะลอกดึงแผ่นลาได้ 2 แผ่น ถ้ามากกว่านั้นแป้งจะติดกระทะ ลอกดึงขึ้นไม่ได้ การลอกดึงแผ่นลา ชาวใต้ เรียกว่า “การพับลา” ดังนั้นหากไม่มีการลามัน แผ่นลาจะพับหรือลอกดึงขึ้นจากกระทะไม่ได้ แป้งจะติดกระทะ ความสำคัญของการ “ลามัน” ตรงนี้จึงอาจเป็นที่มาของคำว่า “ขนมลา” นั่นเองค่ะ



 
  #ขนมลา เป็นขนมหวานพื้นบ้านทางภาคใต้ของประเทศไทย ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า เป็นขนมสำคัญหนึ่งใน5ชนิดที่ใช้สำหรับจัดหมับ เพื่อนำไปถวายพระสงฆ์ในงานประเพณีบุญสารทเดือนสิบ ซึ่งเป็นงานบุญประเพณีที่สำคัญของจังหวัดในภาคใต้




     ด้วยลักษณะของตัวขนม ที่มีรูปร่างเสมือนผืนผ้าและมีลายที่วิจิตร(ยอมใจ ยอมฝีมือคนทำขนมค่ะ) เหมือนใช้เส้นไหมสีทองเส้นเล็กๆ มาถักทอด้วยฝีมือของคนทอผ้าที่ชำนาญ คนในภาคใต้จึงเชื่อกันว่า การที่ทำขนมลาแล้วนำไปถวายพระ ก็เปรียบเสมือนว่าได้ส่งผ้าแพรพรรณไปให้กับบรรพบุรุษและผู้ที่ล่วงลับให้ได้มีเครื่องนุ่งห่ม



  และด้วยขนมลาซึ่งมีลักษณะเส้นสายถักทอป็นแผ่นสลับไปสลับมาจนเหนียวแน่น จึงมีความหมายอีกนัยยะหนึ่งก็คือความสมัครสมานสามัคคีในหมู่ญาติพี่น้อง ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไกลหรือใกล้เมื่อถึงช่วงเทศกาลวันสารทเดือน10 ก็จะต้องกลับมาทำบุญที่บ้านเกิดอย่างพร้อมเพรียงค่ะ

 



   อ่านบทความสนุกๆเพิ่มเติมได้ที่ js100funparty



 



 

X