ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์สื่อสหรัฐฯ ยอมรับว่าการทวงคืนคาบสมุทรไครเมียซึ่งถูกรัสเซียยึดไปตั้งแต่ปี 2557 จะต้องดำเนินการโดยทางการทูตเท่านั้น ย้ำว่า ยูเครนไม่สามารถสละดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครอง หลังจากที่ต้องสละชีวิตผู้คนจำนวนมากไปกับปฏิบัติการทางทหาร
มีความกังวลมากขึ้นว่า ยูเครนจะถูกกดดันให้ต้องสละดินแดนเพื่อแลกกับสันติภาพ เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะกลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง นายทรัมป์ กล่าวมาตลอดว่าจะถอนความช่วยเหลือของสหรัฐฯ
รัสเซียใช้กำลังเข้ายึดครองและประกาศผนวกคาบสมุทรไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในปี 2557 และนับตั้งแต่เปิดปฏิบัติการสงครามเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565 รัสเซียยึดครองดินแดนยูเครนประมาณ 1 ใน 5 และประกาศผนวก 4 แคว้นยูเครนเป็นของตนเอง
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวว่า เขายินดีที่จะหารือเรื่องการหยุดยิงในยูเครนกับนายทรัมป์ แต่จะไม่มีการประนีประนอมเรื่องดินแดนที่สำคัญ และยืนกรานให้ยูเครนล้มเลิกแผนการเข้าร่วมนาโต
จากการสำรวจของกัลลัป พบว่า มีชาวยูเครนจำนวนมากขึ้นสนับสนุนให้ยุติสงครามโดยการเจรจา และต้องการให้ยุโรปหรือสหราชอาณาจักรทำหน้าที่เป็นคนกลางในการเจรจา
ส่วนในการกล่าวผ่านทางสื่อในยูเครนที่มีขึ้นทุกคืน ประธานาธิบดีเซเลนสกี กล่าวว่า การที่รัสเซียใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลชนิดใหม่โจมตีเมืองดนิโปรเมื่อวานนี้แสดงให้เห็นถึงการยกระดับความรุนแรงของสงครามอย่างชัดเจน เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ารัสเซียไม่ได้สนใจสันติภาพ และเรียกร้องให้โลกตอบสนองต่อการกระทำของรัสเซีย บังคับให้รัสเซียเข้าสู่กระบวนการสันติภาพที่แท้จริง
โดยในวันอังคารหน้า (26 พ.ย.67) นาโตและยูเครนจะจัดการเจรจาฉุกเฉินในกรุงบรัสเซลส์ ตามการร้องขอจากยูเครน
...
#ยูเครน
#รัสเซีย