สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 12 รัฐของสหรัฐฯ นำโดยนางแคธี โฮชุลผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กและนางเลทิเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก พร้อมรัฐอื่นๆเช่น ออริกอน แอริโซนาและรัฐโคโลราโด ยื่นฟ้องร่วมต่อ ศาลการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในนครนิวยอร์ก ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว พร้อมคัดค้านนโยบายเก็บภาษีศุลกากรของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สร้างความปั่นป่วนให้กับการค้าทั่วโลก เป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
คำฟ้องของ 12 รัฐระบุว่า การที่รัฐบาลทรัมป์อ้างมีอำนาจในการกำหนดอัตราภาษีนำเข้าที่สูงมากและสามารถเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีได้ตลอดเวลา สำหรับสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าสู่สหรัฐฯด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ที่รัฐบาลทรัมป์อ้างเป็นภาวะฉุกเฉินเข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งสร้างความโกลาหลให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ พร้อมโต้แย้งว่าประธานาธิบดีใม่มีอำนาจประกาศใช้นโยบายภาษีศุลกากรโดยไม่ผ่านการรับรองจากสภาคองเกรสก่อน
นอกจากนี้ คำฟ้องร่วมของ 12 รัฐกล่าวหารัฐบาลทรัมป์อ้างกฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศปีค.ศ. 1970(IEEPA)มาใช้อย่างไม่เหมาะสม เนื่องจากกฏหมายนี้อนุญาตให้ประธานาธิบดีใช้ เฉพาะกรณีเกิดภัยคุกคามเร่งด่วนที่แท้จริงเท่านั้น
ด้านนายคุช เดไซ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวหานางเจมส์ อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก มุ่งจ้องจับผิดรัฐบาลทรัมป์อยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศเพื่อปกป้องความปลอดภัยต่อชีวิต ทรัพย์สิน และพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ย้ำว่ารัฐบาลทรัมป์จะใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเต็มที่ เพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ เช่นเรื่องผู้อพยพลักลอบเข้าประเทศ การลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลและปัญหาขาดดุลการค้าสหรัฐฯ
#12รัฐสหรัฐ
#ฟ้องศาล
#ให้ระงับภาษีทรัมป์