ขนส่งทางบกเปิด3เส้นทางรถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา+ตราด ระยอง ชลบุรี

การอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่ใช้บริการการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา  นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับพลเรือเอก รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดเส้นทางรถโดยสารประจำทางสามเส้นทางเชื่อมต่อท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภากับจังหวัดท่องเที่ยวภาคตะวันออก

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า การพัฒนาเส้นทางรถโดยสารประจำทางเชื่อมต่อสนามบินและระบบขนส่งสาธารณะ ภายใต้นโยบาย One Transport ของกระทรวงคมนาคม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบกจึงได้เดินหน้าพัฒนาเส้นทางรถโดยสารเชื่อมต่อให้บริการถึงภายในสนามบิน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสนามบินพาณิชย์ทั้งหมด 34 แห่ง  ขณะนี้มีการจัดการเดินรถโดยสารให้บริการแล้ว 22 แห่ง ในจำนวนนี้รวมถึงการให้บริการเส้นทางเข้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาด้วย ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างพิจารณาผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งค่าโดยสารจะเก็บตามระยะปกติ แม้รถโดยสารที่นำมาให้บริการจะมีการพัฒนาทันสมัยมากขึ้น ยืนยันภายในปี2561จะดำเนินการให้ครอบคลุมครบทุกสนามบิน

สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาได้รับการพัฒนาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์รับรองผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางมาพัทยาและจังหวัดอื่นๆในภาคตะวันออก กรมการขนส่งทางบกจึงเพิ่มทางเลือกและอำนวยพัฒนาเส้นทางโดยสารเข้าให้บริการ3เส้นทาง ประกอบด้วย

สาย 398 ตราด-อู่ตะเภา รับ-ส่งผู้โดยสารที่ จังหวัดตราด, จังหวัดจันทบุรี, สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระยองแห่งที่ 1,  ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รวมระยะทาง 220 กิโลเมตร

สาย 399 ระยอง-อู่ตะเภา รับ-ส่งผู้โดยสารที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดระยองแห่งที่ 2 , อำเภอบ้านฉาง, ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รวมระยะทาง 35 กิโลเมตร

สาย 400 ชลบุรี-อู่ตะเภา รับ-ส่งผู้โดยสารที่ จังหวัดชลบุรี, อำเภอศรีราชา, เมืองพัทยา, อำเภอสัตหีบ, ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา รวมระยะทาง 100 กิโลเมตร  ซึ่งในแต่ละเส้นทางใช้รถโดยสารปรับอากาศมาตรฐานใหม่19ที่นั่ง มีระบบความปลอดภัยและอุปกรณ์ครบถ้วนทันสมัย ตามมาตรฐานที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด 

โดยแต่ละเส้นทางจะใช้จำนวนรถ 2 - 4 คัน เพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนเที่ยวบินประมาณ 40 เที่ยวต่อวัน และในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ผู้ประกอบการขนส่งสามารถบริหารจัดการตารางเดินรถให้สอดคล้องกับตารางเที่ยวบินได้อย่างเหมาะสม คาดว่าเส้นทางรถโดยสารทั้ง 3 เส้นทางดังกล่าว จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นิยมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ซึ่งจะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้

ด้านผู้บัญชาการกองเรือยุทธการกล่าวว่า ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา อยู่ห่างจากตัวเมืองระยองประมาณ 35 กิโลเมตรและห่างจากตัวเมืองพัทยา 30 กิโลเมตร ซึ่งได้รับการเลือกให้เป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศและเป็นประตูสู่ภาคตะวันออก มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และก่อให้เกิดการพัฒนาจังหวัดและภูมิภาค โดยสามารถรองรับผู้โดยสารเฉลี่ยเดือนละประมาณ 35, 000-40, 000คน นอกจากนี้ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาได้ขยายและเพิ่มอาคารผู้โดยสารใหม่ จึงสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 3, 000, 000คนต่อปี ดังนั้นการเพิ่มทางเลือกและความสะดวกสบายในการเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองจึงมีความสำคัญและช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาเป็นHUBการบินแห่งใหม่ของประเทศรองรับนโยบายEEC ของรัฐบาล

ธนดา เฉลิมวันเพ็ญ ผสข.